“REBIRTH” Power Design Project 2022
โครงการ “Power design project” หรือพลังแห่งการออกแบบที่เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในปี 2001 เพื่อให้นักออกแบบนาฬิกาของ SEIKO ได้สำรวจแก่นแท้ของนาฬิกาและต่อยอดความเป็นไปได้ในการออกแบบตามธีมประจำปีเพื่อนำเสนอแนวทางการออกแบบใหม่ๆโดยไม่ยึดติดกับแนวคิดในกรอบเดิมๆที่มีอยู่แล้ว ที่ในปีนี้ทาง SEIKO ได้นำโครงการนี้กลับมาดำเนินการอีกครั้งกับธีมที่มีชื่อว่า REBIRTH
จากนักออกแบบทั้ง 7 คนของ SEIKO ที่พัฒนาความคิดและไอเดียแนวสร้างสรรค์เพื่อขยายขอบเขตแห่งจินตนาการโดยการหยิบเอานาฬิกาที่มีความโดดเด่นมาผนวกเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่เกิดขึ้นในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานของ SEIKO ที่นำไปสู่การออกแบบเพื่อให้เกิดเป็นเรือนเวลาใหม่ตามธีม “REBIRTH” กับผลงานทั้ง 7 ชิ้นจาก 7 ดีไซเนอร์ พร้อมความสนุกสนานไปกับการสร้างสรรค์เรือนเวลา
ที่ถูกนำมาตีความใหม่จากความเป็นไปได้ในการออกแบบที่แสดงผ่านนิทรรศการ โดยที่ผ่านมาได้มีการจัดแสดงผลงานมาแล้วทั้งที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน สหราชอาณาจักรและไทย โดยมีการจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมถึง 30 สิงหาคมณ Central at Central World ชั้น 1 บริเวณแผนกเครื่องสำอางค์และเป็นครั้งแรกที่เหล่าดีไซเนอร์เจ้าของผลงานการออกแบบใหม่นี้มีการร่วมงานเปิดตัวในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมาด้วย
โดยเริ่มจากผลงานของนักออกแบบเรือนที่หนึ่ง Radiant Time ที่เป็น “ความเจิดจรัสเหนือกาลเวลา” ที่สาดส่องให้โตเกียวสว่างไสวจากนาฬิการุ่นดั้งเดิมที่มีเทคนิคการขัดเงาตัวเรือนแบบซารัทซึ (Zaratsu) ที่ถูกนำมาใช้ในผลงานระดับไฮเอนด์หลายรุ่นของ SEIKO ตั้งแต่ช่วงปี1960 มาจนถึงปัจจุบันด้วยการใช้จิ๊ก (Jig) ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษในการทำงานอย่างเชี่ยวชาญพร้อมเทคนิคการขัดเงาอย่างพิถีพิถัน
จนทำให้ทำให้พื้นผิวโลหะเปลี่ยนรูปเป็นพื้นผิวที่เรียบเนียนเงางามเป็นพิเศษโดยรุ่นที่นำมาจัดแสดงคือ KING SEIKO ที่เปิดตัวในปี 1970 ที่แฟนนาฬิการู้จักกันดีในชื่อ 45KS นาฬิกาที่มีรูปทรงเรียบง่ายและโดดเด่นซึ่งได้รับการขัดเงาด้วยเทคนิคซารัทซึที่ให้พื้นผิวเงาราวกับกระจกและปราศการการบิดเบือนของภาพสะท้อนพร้อมยังคงทอประกายแสงที่เงางามแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 50 ปีแล้วก็ตาม
ส่วนรุ่นกำเนิดใหม่จะมุ่งเน้นไปที่เทคนิคในการขัดเงาและทำให้นาฬิกา King Seiko ถือกำเนิดขึ้นใหม่ด้วยความรู้สึกร่วมสมัยที่ได้รับการยกระดับและเปี่ยมด้วยเสน่ห์ความงามเฉพาะตัวโดยความสวยงามของตัวเรือนแบบ 20 เหลี่ยมจะได้รับการขัดเงาด้วยเทคนิคซารัทซึและความประณีตของเครื่องหมายทั้ง 60 หลักรอบหน้าปัดที่จะทำให้นาฬิกาเรือนนี้กลายเป็นไอเท็มที่ไม่ควรพลาด
Radiant Time ออกแบบโดย Takuya Matsumoto ที่เริ่มร่วมงานกับ SEIKO ในปี 2010 โดยได้ร่วมออกแบบนาฬิกา SEIKO ในตลาดโลกให้กับคอลเลกชั่น Astron ปัจจุบันประจำตำแหน่งหลักในการออกแบบให้กับนาฬิกาในคอลเลคชั่น Presage และ KING SEIKO ซึ่งนาฬิกาในทั้งสองคอลเลคชั่นถือเป็นคอลเลคชั่นนาฬิกาที่มีความสำคัญในอนาคตของ SEIKO ที่มาจากความประณีตและสวยงาม
ต่อมาเรือนที่สองคือ Put on Time ที่ถือเป็นลูกเล่นจากการสวมใส่นาฬิกาจากนาฬิการุ่นดั้งเดิมที่ออกแบบมาสำหรับนักดำน้ำที่เปิดตัวในปี1975 พร้อมความโดดเด่นด้านความแข็งแกร่ง ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงและทนทานต่อการใช้งานด้านการดำน้ำแบบแซทเทอร์เรชั่นด้วยตัวเรือนด้านนอกที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวและทำให้นาฬิการุ่นนี้ได้รับฉายาว่า “ทูน่า” โดยแฟนๆของ SEIKO เนื่องจากมีลักษณะตัวเรือนคล้ายทูน่ากระป๋อง
และรุ่นกำเนิดใหม่จะมีรูปทรงตัวเรือนด้านนอกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านการออกแบบและทำให้นาฬิกาดูมีเสน่ห์ด้วยรูปแบบที่คล้ายกับกระดุมเสื้อสร้างประสบการณ์ในการสวมใส่ที่แปลกใหม่และถือเป็นความอิสระที่นักออกแบบหวังว่าทุกคนจะได้สนุกในการจับคู่นาฬิกากับการแต่งตัวที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ในแต่ละวันและยังถือเป็นการเปลี่ยนแนวคิดและมุมมองจากนาฬิการุ่นเดิมไปได้อย่างน่าสนใจ
Put on Time ออกแบบโดย Yuta Uchiura ผู้เข้าร่วมงานกับ SEIKO ในปี 2018 หลังจากที่มีประสบการณ์ในการทำงานให้กับผู้ผลิตอุปกรณ์การออกแบบเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์โดยปัจจุบันรับผิดชอบด้านการออกแบบนาฬิกาโดยมุ่งเน้นไปที่นาฬิกาในคอลเลคชั่นProspex ที่ถือเป็นนาฬิกาคอลเลคชั่นหลักของแบรนด์ในปัจจุบันพร้อมกับความเป็นนาฬิกาสปอร์ตอย่างเต็มตัว
กรุณาติดตามตอนต่อไปครั้งหน้า