Carefully selected GRAND SEIKO materials
มุมมองในด้านการผลิตที่สอดคล้องกันเสมอของ GRAND SEIKO คือการระบุสาระสำคัญของวัสดุ และการใช้ประโยชน์สูงสุดจากลักษณะเฉพาะของวัสดุได้มากที่สุด ร่วมกันกับการออกแบบและคุณสมบัติในด้านความแวววาว ทั้งจากที่ผลิตขึ้นจากสตีล ไททาเนียม หรือโลหะมีค่าอื่นๆ พร้อมด้วยประสบการณ์จากงานฝีมือของช่างนาฬิกาผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อดึงเอาความงามในแต่ละชิ้นส่วนและแต่ละวัสดุออกมาได้ เช่นเดียวกันกับคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของชุดกลไกการทำงานภายในของนาฬิกา
ตั้งแต่เอเวอร์-บริลเลียนท์สตีล (Ever-Brilliant Steel) ที่เป็นวัสดุสตีลหรือเหล็กกล้า ที่มีความสามารถด้านความทนทานต่อการกัดกร่อนมากที่สุดในโลก โดยได้ชื่อมาจากเฉดสีขาวที่สดใสของวัสดุ โดยเหล็กกล้าชนิดนี้จะสามารถทนทานต่อการกัดกร่อน ได้ดีกว่าเหล็กกล้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมนาฬิกาในปัจจุบัน โดยเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดนี้มีค่า PREN (Pitting Resistance Equivalent Number) สูงกว่าเกรดเหล็กกล้าที่ใช้ในนาฬิการะดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่ถึง 1.7 เท่าโดย PREN ถือเป็นมาตรฐานสำหรับวัสดุที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งใช้ในการวัดค่าความต้านทานต่อการกัดกร่อนโดยทั่วไป
หรือจะเป็นบริลเลียนท์ฮาร์ดไทเทเนียม ที่ถือเป็นวัสดุที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ GRAND SEIKO โดยมีคุณสมบัติด้านน้ำหนักที่เบาเหมือนไททาเนียมบริสุทธิ์ แต่มีความแข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้าไร้สนิมถึงสองเท่า ดังนั้นจึงมีความสามารถด้านความทนทานต่อรอยขีดข่วนได้สูงยิ่งขึ้น โดยสีของวัสดุจะมีความสว่างกว่าไททาเนียมรูปแบบอื่นๆ ที่ใช้กับนาฬิกาของ GRAND SEIKO และยังช่วยให้พื้นผิวที่ผ่านการขัดเงาตามแบบเทคนิคซารัทซึ (Zaratsu) ยิ่งมีความโดดเด่นขึ้นไปอีกระดับ
รวมทั้งสปรอน (Spron) โลหะผสมที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีการผลิตอันยอดเยี่ยมของ GRAND SEIKO ซึ่งถือเป็นศิลปะแห่งการบุกเบิกด้านความเที่ยงตรง จากแนวคิดที่ต้องการให้ทีมทำงานของ GRAND SEIKO คิดต่างออกไป โดยโลหะผสมสปอรนนี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยปรับปรุงแรงบิด ที่เพิ่มอัตราการสั่นของบาลานซ์วีล เมนสปริง และแฮร์สปริง โดยชิ้นส่วนเหล่านี้ในกลไกคาลิเบอร์ตระกูล 9S ต่างผลิตขึ้นจากสปอรนทั้งสิ้น จากการวิจัยและพัฒนาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งการสร้างสรรค์กลไกแบบไฮ-บีทจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากวัสดุชนิดนี้
นอกจากนี้ยังมีผลึกควอท์ซ ที่ผลิตขึ้นเองโดย GRAND SEIKO โดยถือเป็นงานฝีมือที่แท้จริงในชุดกลไก จากความต้องการด้านวัสดุศาสตร์ที่เหนือกว่า เพื่อให้เกิดแร่ควอท์ซที่จะให้ค่าความแม่นยำ ในระดับที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ดังนั้นแบรนด์จึงต้องผลิตแร่ชนิดนี้ขึ้นเอง โดยแต่ละชิ้นจะได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อความบริสุทธิ์และความถูกต้อง ซึ่งขั้นตอนการควบคุมด้านการผลิตที่มากขึ้น จะหมายถึงวัสดุที่ได้จะมีคุณภาพที่สูงขึ้นไปด้วย จากแนวคิดที่ว่าทุกองค์ประกอบของกระบวนการผลิต จะสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเท ความมุ่งมั่น และความเป็นศิลปะขององค์กร
