BOVET 1822's Journey of Time, Part II
เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 200 ปีของแบรนด์นาฬิกา BOVET 1822 ทางแบรนด์จึงได้จัดนิทรรศการประวัติศาสตร์ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมาของแบรนด์เป็นครั้งแรกในโลก โดยจัดขึ้นที่ชาโตว์เดอโมติเยร์อันเป็นแหล่งผลิตนาฬิกา BOVET รวมทั้งเป็นที่พักของ Mr. Pascal Raffy เจ้าของแบรนด์อีกด้วย ซึ่งการจัดแสดงนี้จะเป็นการจัดแสดงแบบส่วนตัว และเป็นแบบการเชื้อเชิญเป็นพิเศษเท่านั้น
BOVET ก่อตั้งขึ้นในปี 1822 ในเฟลอริเยร์และเป็นหนึ่งในนาฬิกาไม่กี่แบรนด์ ที่ยังคงผลิตนาฬิกาอยู่ในสถานที่แห่งเดิม ในชาโตว์เดอโมติเยร์ที่ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 14 พร้อมความมุ่งมั่นที่จะสานต่อมรดกของผู้ก่อตั้งแบรนด์เอาไว้ โดยผสมผสานการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม ด้วยความประณีตและการตกแต่งอย่างสวยงามระดับสูงสุด เข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยในปัจจุบัน
จากกว่า 200 ปีที่ผ่านมา BOVET ถือเป็นแบรนด์ที่ริเริ่มให้ความสำคัญทางด้านมัณฑนศิลป์ และการผลิตนาฬิกาเชิงกลระดับสูง ดังนั้นนอกเหนือจากการจัดแสดงเป็นครั้งแรกนี้แล้ว BOVET ยังเป็นผู้บุกเบิกการตกแต่งด้วยเทคนิคต่างๆ ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการแกะสลักด้วยมือในแบบเฟลอริซานน์ อันเป็นเอกลักษณ์ที่ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน และยังคงใช้เทคนิคนี้กับนาฬิการุ่นต่างๆ จนถึงทุกวันนี้
อย่างเช่นนาฬิกาพกภูมิทัศน์ของทะเลสาบเลอมัง ช่วงประมาณปี 1830 โดยมีตัวเรือนที่ผลิตจากเยลโลว์โกลด์ระบุ BOVET Fleurier หมายเลข 286 พร้อมขอบตัวเรือนแบบโบว์ และมีฝาหลังประดับขอบด้วยมุก ส่วนช่วงกลางเป็นแบบเทคนิคกรองฟูว์อีนาเมล พร้อมเทคนิคไมโครเพนท์ติ้ง และอีนาเมลชองพลีเว่ที่คันธนู ในตัวเรือนขนาด 56.90 มิลลิเมตร หนา (รวมฝาหลังและกระจก) 18.80 มิลลิเมตร
ทำงานด้วยกลไกไขลานที่ตั้งเวลาด้วยกุญแจไข พร้อมบริจด์และแผ่นเพลทแกะสลักลวดลายดอกไม้ แสดงเวลาชั่วโมง นาที และวินาทีที่กึ่งกลางหน้าปัด โดยชุดกลไกมีขนาด 48 มิลลิเมตร กับหน้าปัดแบบอีนาเมลสีขาวที่ผลิตจากแผ่นบราสท์ โดยมีหลักแบบเลขโรมันสีดำ แสดงเวลาด้วยเข็มชั่วโมง นาที และวินาทีที่ผลิตจากสตีลเผาด้วยความร้อนสูง
และนาฬิกา Easel Chronometer จากปี 1930 ที่ถือเป็นแรงบันดาลใจสำหรับระบบ Amadeo และ 19Thirty โดยมีตัวเรือนที่ผลิตจากเงิน ลงลายเซ็นต์ BOVET พร้อมหมายเลข 90013 และระบบ “ขาตั้ง” ที่จดสิทธิบัตรแล้ว (Chevalet จากสิทธิบัตรสวิส N° 148535 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 1931) ในนาฬิกาพกขนาด 46 มิลลิเมตร หนา(รวมฝาหลังและกระจก) 11.20 มิลลิเมตร
ฝาหลังตกแต่งด้วยลวดลายกิโยเช่ และทำงานด้วยกลไกที่มีชุดสวิสแองเคอร์เอสเคปที่ชุบโรเดียม พร้อมการตกแต่งด้วยลวดลายโค๊ทส์เดอเจอเนฟ แสดงเวลาชั่วโมงและนาทีที่ตรงกลาง และแสดงเวลาวินาที ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา โดยชุดกลไกมีขนาด 37 มิลลิเมตร กับหน้าปัดสีเงินพร้อมตัวเลขอารบิคประยุกต์สีทอง และเข็มแสดงเวลาสีเหลืองทอง กับหน่วยย่อยแสดงเวลาวินาทีในภาษาอาหรับ
นอกจากนี้ BOVET ยังมีชื่อเสียงในด้านกลไกโครโนกราฟฟลายแบ็คตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1900 ที่ยังคงเป็นบทเรียนและฝึกสอน อยู่ในโรงเรียนสอนผลิตนาฬิกาทั่วโลกในปัจจุบัน โดยตั้งแต่ Mr. Pascal Raffy เข้ารับตำแหน่ง นวัตกรรมต่างๆ ทั้งหมดจึงดำเนินการต่อไป ซึ่งหนึ่งในความก้าวหน้าที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด ก็คือตัวเรือนระบบอมาดิโอ (Amadeo) ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรในปี 2010
ซึ่งช่วยให้นาฬิกา BOVET สามารถเปลี่ยนจากนาฬิกาข้อมือ เป็นนาฬิกาพกและนาฬิกาตั้งโต๊ะ รวมไปถึงสร้อยคอได้อีกด้วย ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถทำให้ สวมใส่นาฬิกาได้ในด้านใดด้านหนึ่ง จนทำให้นาฬิกาหนึ่งเรือนสามารถกลายเป็นนาฬิกาสองเรือนได้ในเรือนเดียว พร้อมความนุ่มนวลและแม่นยำในการปรับเปลี่ยน ที่จะไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆ เมื่อทำการปรับเปลี่ยน
รวมไปถึงการที่ BOVET เคยได้รับรางวัล Aguille d'Or ในงาน GPHG ปี 2018 ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของการผลิตนาฬิกาจากรุ่น Recital 22 Grand Recital และตามมาด้วยรางวัลเพิ่มเติมในงาน GPHG ของปี 2020 ซึ่งรวมทั้งหมดทำให้ BOVET ได้รับรางวัลมามากกว่า 40 รางวัลในช่วง 21 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังมีการจดทะเบียนสิทธิบัตรต่างๆ มากกว่าอีก 20 ฉบับ ซึ่งล้วนมีส่วนสำคัญต่อความก้าวหน้าของวงการนาฬิกาชั้นสูง