BOVET 1822’s Journey of Time, Part I
ในปัจจุบันนาฬิกา BOVET ที่หาได้ยากยิ่งจำนวนมากมักอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่พระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่งประเทศจีน ไปจนถึงบริติชมิวเซียมในลอนดอน หรือแม้แต่ พิพิธภัณฑ์ MOMA ในนครนิวยอร์ก รวมไปถึงในพิพิธภัณฑ์ของ PATEK PHILIPPE ในเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 200 ปีของนาฬิกาแบรนด์นี้ BOVET 1822 จึงได้จัดนิทรรศการประวัติศาสตร์ของแบรนด์นาฬิกาในตลอดช่วงเวลา 200 ปีขึ้นเป็นครั้งแรก
โดยประกอบไปด้วยนาฬิกาจากทศวรรษที่ 1800 ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดประเทศจีน จักรวรรดิออตโตมัน ราชวงศ์ในยุโรป และอื่นๆ ที่ต่างก็โดดเด่นด้วยความล้ำยุคในช่วงเวลานั้น พร้อมกลไกการทำงาน และการตกแต่งด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานการแกะสลัก การปะติดด้วยวัสดุต่างๆ การลงสี การฝังไข่มุก การประดับอัญมณี และอื่นๆ มากมาย โดยเริ่มต้นด้วยนาฬิกาในช่วงต้นทศวรรษ 1900 ซึ่งรวมไปถึงนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจสู่ระบบอามาดิโอ (Amadeo) ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นจึงนำไปสู่นาฬิกากลไกโครโนกราฟจาก BOVET ที่มีชื่อเสียงในช่วงทศวรรษที่ 1940 และ 1950 โดยนาฬิกาทั้งหมดนี้จะจัดแสดงอยู่ในส่วนพิเศษ ของนิทรรศการภายในอาคารหลักของชาโตซ์เดอโมติเยร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่พักสำหรับ Mr. Pascal Raffy โดยจะเน้นไปที่นาฬิกาที่ผลิตขึ้นในช่วงที่ Mr. Raffy เป็นผู้ดูแลตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปัจจุบัน อันรวมไปถึงนาฬิกาดาราศาสตร์ที่ล้ำสมัย นาฬิกาที่ได้รับรางวัล GPHG คอลเลคชั่น Pininfarina และคอลเลคชั่น Automobili Pininfarina
รวมไปถึงกลไกแบบซับซ้อน และความมหัศจรรย์ที่เกี่ยวกับนาฬิกาจาก BOVET อย่างเช่นนาฬิกาสำหรับรถยนต์ Rolls-Royce ที่สั่งผลิตขึ้นเป็นพิเศษกับโปรเจ็คท์ Boat Tail ที่มีมูลค่าถึง 26,000,000 ดอลล่าร์สหรัฐ “เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 200 ปี ผมจึงอยากแสดงผลงานชิ้นสำคัญๆ ที่กำหนดประวัติศาสตร์ของ BOVET มาไว้ให้ได้มากที่สุดเป็นครั้งแรก
อธิบาย “สิ่งที่ House of BOVET ทำมาตลอด 200 ปีนี้ทำให้ผมตกตะลึง และเป็นแรงบันดาลใจให้สานต่อมรดกของพี่น้อง Bovet มาโดยตลอด” และนี่คือตัวอย่างบางส่วนของนาฬิกาที่นำมาจัดแสดงนี้ โดยเรือนแรกคือ Mille Fleurs นาฬิกาจากช่วงประมาณปี 1830 ที่มีตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ ระบุชื่อ BOVET และหมายเลขประจำเรือน 2406 พร้อมขอบตัวเรือนแบบโบว์สัญลักษณ์ประจำแบรนด์ และมีฝาหลังประดับมุกเคลือบอีนาเมล เทคนิคชองพลีเว่คุณภาพสูง โดยใช้โทนสีจำนวน 6 สีโดยทุกสีต้องผ่านกระบวนการเข้าเตาอบที่อุณหภูมิสูงถึง 800 องศา ในตัวเรือนขนาด 56.90 มิลลิเมตร หนา (รวมฝาหลังและกระจก) ที่ 18.80 มิลลิเมตร