Interview with H.Moser&Cie.
Q: ในปีนี้ H.Moser นำเสนอนาฬิการุ่นใหม่ที่เรียกว่า Tourbillion Skeleton นี่ถือเป็นทิศทางกลยุทธ์ในการนำเสนอแบรนด์ในรูปแบบใหม่หรือไม่?
Edouard Meylan: ผมคิดว่าผู้คนต้องการการเปลี่ยนแปลง อะไรบางอย่างของแบรนด์ในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเสมอ และเราก็ต้องการให้แบรนด์ออกไปสำรวจพื้นที่ใหม่ และเรารู้ว่าความเรียบง่ายแบบใหม่คือการไม่มีโลโก้ ไม่มีมาร์กเกอร์ แม้แต่ไม่มีหน้าปัด ไม่ใช่แค่แนวคิดเดียวที่เราจะทำ แต่เราอยากลองทำทุกสิ่งดังนั้นเมื่อเราได้ไฟเขียว เราจึงลองสำรวจกับสิ่งใหม่ๆ ตามความต้องการในการสร้างสไตล์แบบสามมิติ และต้องเป็นแบบสมมาตรและนี่คือที่มาของTourbillion Skeleton จากการสำรวจพื้นที่ที่ขยายไปทางขวาบ้างซ้ายบ้าง ในทุกทิศทางที่มีความเป็นไปได้ แม้กระทั่งแนวคิดการร่วมกันทำงานกับแบรนด์สตรีทแวร์ ซึ่งแม้วัฒนธรรมของสตรีทแวร์จะห่างไกลจากสิ่งที่ H.Moser เป็นและจากที่ทุกคนรู้จัก แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็ยินดีที่จะรอชมความพิเศษนี้
Bertrand Meylan: ซึ่งนาฬิกาแบบสเกเลตันจะเป็นแค่การเริ่มต้น และผมบอกได้เลยว่าเราจะนำเสนอนาฬิกาแบบสเกเลตันให้มากกว่านี้ โดยนี่เป็นแค่เพียงแบบแรก ซึ่งแบบต่อๆ ไปจะน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกและจะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่อาจใกล้เคียงกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นเราจึงต้องการเวลาและทำให้แบรนด์อยู่ในจุดที่ผู้คนคาดหวัง เหมือนเมื่อลูกค้าเซอร์ไพรส์มากที่ได้เห็นนาฬิการุ่นนี้ ซึ่งนักข่าวก็เช่นกันที่ไม่ได้เคยคาดหวังอะไรจาก H.Moser แต่พอเห็นการนำเสนอนาฬิการุ่นนี้ก็เปลี่ยนความคิดไปเลย ผมคิดว่าเราทั้งคู่ชอบที่จะได้ยินอะไรทำนองนี้กัน
Q: แบรนด์นาฬิกาส่วนใหญ่จะเน้นผลิตนาฬิกากลไกที่ซับซ้อน แต่ H.Moser จะเน้นความเรียบง่าย คุณคิดว่าอะไรคืออานุภาพของความเรียบง่ายนี้
Edourd Meylan: ผมไม่คิดว่าคือการออกแบบ อย่างเช่นนาฬิกากลไกเพอเพทชวลคาเลนดาร์อาจซับซ้อน แต่นาฬิกากลไกเพอเพทชวลคาเลนดาร์ของเรากลับมีแต่ความเรียบง่าย เป็นความเรียบง่ายที่ถูกนำเสนอออกผ่านทางรูปลักษณ์ แต่ยังคงความซับซ้อนของกลไกเอาไว้อยู่ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นการผสมผสานงานด้านต่างๆ ก่อนการผลิต ที่สำคัญเลยคือนาฬิกาเป็นนาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนมากโดยที่คนอาจไม่คิดว่าเป็น
Q: ทีม H.Moser ดูเป็นทีมที่มีความคิดสร้างสรรค์ ช่วยขยายความเรื่องนี้ด้วย
Edourd Meylan: เราทั้งคู่เริ่มงานกับ H.Moser ปี 2012 และเป็นเพราะเราหลงรักกลไกเพอเพทชวลคาเลนดาร์ เพราะนี่คือพื้นฐานของความเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยม และมีแนวคิดด้านการผลิตที่ดีและเชื่อถือได้ ดังนั้นเราจึงสร้างทีมที่มีอายุไม่มากแต่มีความคิดสร้างสรรค์ และเรามีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้วเราจึงไม่พยายามเดินตามทางเดิมๆ ตลอด แต่เราพยายามมองหาสิ่งใหม่ๆ เสมอ ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ผมเปิดรับทุกแนวคิดและบอกทุกคนเลย่า มาเลย! มีความคิดสร้างสรรค์อะไรเอาออกมา ซึ่งบางทีก็ออกมาบ้าๆ บอๆ กันบ้าง แต่นั่นก็ทำให้เราแตกต่าง ไม่เอาประวัติศาสตร์มากเกินไป พร้อมเปิดใจในความพยายามสร้างสรรค์ ปรับปรุง และนำความคิดออกนอกกรอบ ซึ่งแบรนด์นาฬิกาใหญ่ๆ ก็น่าจะทำกัน
Q: H.Moser จะยังคงแนวทางการสื่อสารในแบบเดิมช่วง 2 ปีก่อนวิกฤติการณ์ COVID-19 หรือไม่ หรือมีแนวทางอื่นแล้วในขณะนี้
Edourd Meylan: ทีมที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้เราชอบในสิ่งเดียวกันนั่นก็คืออารมณ์ขัน และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบางครั้งอารมณ์ขันจึงทำให้เราเติบโตขึ้น ความคิดสร้างสรรค์หลายครั้งอาจทำให้เราประสบปัญหา ซึ่งเราเองก็ต้องการคำติชมจากทุกทิศทาง และหลายความคิดเห็นมากระซิบบอกเราว่า “อาจมากเกินไปหน่อย” ซึ่งเรามักคุยกันถึงเรื่องนี้ว่าเราต้องระวังสิ่งที่ไม่ต้องการให้เป็น เราจึงรอที่จะจู่โจมในช่วงที่เรามั่นใจ และเราต้องระวังไม่ให้มีปัญหาแต่ยังคงรำลึกไว้อยู่เสมอว่าเราจะไม่หยุดอยู่กับที่
Q: ในทีมบริหารคุณสองคนเคยมีปัญหาทะเลาะกันหรือไม่
Edourd Meylan: ผมชนะเสมอ (หัวเราะ) เราเคยทะเลาะกันแต่นั่นยังเด็ก แต่เนื่องจากเราทำงานร่วมกันก็อาจมีหนึ่งครั้งหรือสองครั้งที่เราไม่เห็นด้วย แต่ที่จริงแล้วแม้เราไม่เห็นด้วย และแม้ว่าเราอาจจะพูดจากันมากเกินไป บางครั้งเราต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ หรือสองหรือสามสัปดาห์ในการแก้ปัญหา เพราะเราแตกต่างกัน และมีทักษะบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน รวมทั้งบุคลิกบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน คนหนึ่งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์อีกคนอยู่ที่ดูไบ ผมได้รับคำติชมในส่วนของผมจากเขา และเขาได้รับคำติชมจากผมในส่วนของเขา แล้วเมื่อเรามีคำถามและเราแก้ไขร่วมกัน นั่นคือวิถีทางที่ดีที่สุด อย่างที่ผมคิดว่าพ่อของเราที่เยอรมันก็ต้องบอกว่า เฮ้! เราต้องไม่ทะเลาะกันสิ
Q: ถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายในการเลือกโทนสีของหน้าปัดนาฬิการุ่น Streamliner สำหรับแต่ละรุ่น เพราะอะไรถึงเลือกใช้แต่ละสีในหน้าปัดของแต่ละรุ่น
Edourd Meylan: หลายครั้งถือว่าค่อนข้างยากต่อการการตัดสินใจ นี่แหละที่เราน่าจะต้องทะเลาะกัน เพราะเราต้องการสีใหม่ที่จะอยู่ในนาฬิการุ่นต่างๆ กันไป จะจึงช่วยกันลองบ้างและช่วยกันตัดสินใจบ้าง เริ่มต้นจากการมองทั้งคอลเลคชั่นที่มีและจะมี แล้วจึงลองตัดสินใจเลือกใช้สีน้ำเงินสำหรับโครโนกราฟเป็นต้น และอะไรที่ทำแล้วดูสมบูรณ์แบบที่สุดจึงจะเป็นคำตอบ และยังรวมไปถึงคอลเลคชั่นต่อๆ ไปที่จะต้องเป็นแนวทางในโทนสีต่างๆ อย่างมีระบบต่อไป
Q: คุณเชื่อว่านาฬิกาแนวอินดิเพนเดนซ์คืออนาคตของวงการนาฬิกา คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้งได้ไหม
Edourd Meylan: เพราะอินดิเพนเดนซ์แบรนด์เป็นแนวทางที่ผู้คนถือว่าเป็นงานศิลปะ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในปริมาณมากอีกต่อไป ผมคิดว่านั่นคือวิธีที่เราสร้างสรรค์ วิธีที่เราเห็นนวัตกรรม และด้วยวิธีนี้จึงเห็นคุณค่าที่มี ผมคิดว่าในปัจจุบันนักสะสมใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นวิถีในการขับเคลื่อนความคิดให้กับผู้คนจำนวนมากขึ้น มีคนใส่นาฬิกาแล้วถ่ายรูปและพาคนอื่นๆ มาเพิ่มเติมจำนวนมาก ผมคิดว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองสำหรับนาฬิกาแนวอินดิเพนเดนซ์ ซึ่งมีจำนวนมากมายแต่ต้องระวังนั่นก็คือการรวมตัวกัน และการผลิตเกินจำนวนมากไป รวมทั้งขี้เกียจและหยุดสร้างสรรค์ MB&F, URWERK และ DeBethune เป็นแบรนด์ที่น่าทึ่ง ที่ช่วยกันสร้างแนวคิดนี้ขึ้นมาด้วยกันอย่างช้าๆ และใช้เวลานานมาก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วจะเกิดความยั่งยืนขึ้นได้ในวันข้างหน้า