ULYSSE NARDIN, Marine Collection
ตั้งแต่ปี 1846 เป็นต้นมา ULYSSE NARDIN ไม่เคยลืมที่จะหวนระลึกถึงท้องน้ำ อันเป็นแหล่งที่มาที่สำคัญของแบรนด์มาโดยตลอด แม้กระทั่งอาจกล่าวได้ว่า ผืนน้ำและท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล ถือเป็นจุดกำเนิดแรงบันดาลใจ ในการสรรค์สร้างผลงานชิ้นเอก เพื่อแสดงเวลาอันเที่ยงตรงอย่างที่สุดให้โลกได้รับรู้ โดยมีเหล่าผู้เดินเรือ ผู้เปิดโลกทัศน์ และผู้ที่มีใจรักในอิสระ เป็นพยานในความสามารถพิเศษ จากประสบการณ์การใช้งานนาฬิการะดับโครโนมิเตอร์ของ ULYSSE NARDIN มาแล้วกว่าศตวรรษ โดยในปัจจุบัน จากการต่อยอดองค์ความรู้ และประสบการณ์อันต่อเนื่องอย่างยาวนานกว่า 200 ปีของแบรนด์ ทำให้ ULYSSE NARDIN สามารถพัฒนากลไกไปในทิศทางต่างๆ ได้อีกมากมาย โดยมีเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในยุคปัจจุบัน เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดความสำเร็จ ทางด้านการผลิตชิ้นกลไกแบบพิเศษต่างๆ อันจะทำให้เกิดความเที่ยงตรงและทนทานเพิ่มมากขึ้นได้จากในอดีต ซึ่งจะเห็นได้จากการเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการใช้วัสดุซิลิเซียมเพื่อผลิตชิ้นส่วนเช่นในปัจจุบัน
ดังนั้น ULYSSE NARDIN จึงให้ความสำคัญกับนาฬิกาในคอลเลคชั่น Marine เป็นพิเศษ ทั้งจากประวัติศาสตร์และความเป็นมาของแบรนด์ รวมไปจนถึงพื้นฐานแห่งความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ ที่ผ่านบทพิสูจน์มากมายมาแล้ว จากเหล่าผู้เดินเรือจำนวนมากมายของโลก ที่เชื่อมั่นในการใช้งานนาฬิกามารีนโครโนมิเตอร์จาก ULYSSE NARDIN โดยมีภาพลักษณ์ของหน้าปัดนาฬิกา ที่ถือเป็นอีกหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญ ที่บ่งบอกได้ทันทีถึงความพิเศษของนาฬิกามารีนโครโนมิเตอร์ เริ่มต้นจากตัวเลขโรมันรูปทรงเรียวยาว ที่จัดวางตั้งแต่ขอบหน้าปัดด้านใน ไปจนถึงครึ่งหน้าปัดช่วงกึ่งกลาง ซึ่งช่วยทำให้สามารถอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจน เมื่อเข็มกวาดผ่านตัวเลขแต่ละตัว โดยมีตัวเลข 4 ที่จะใช้เป็น I 4 ชุดแทน IV เพื่อกันความสับสนระหว่าง V (เลข 5) และ VI (เลข 6) เนื่องจากทิศทางในการวางนาฬิกามารีนโครโนมิเตอร์บนเรือในขณะโต้คลื่นลม อาจเอนเอียงและทำให้การอ่านค่าเกิดความสับสนขึ้นได้ แม้ในขณะเสี้ยวนาทีที่ถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งของการเดินเรือในยุคอดีต
นอกจากนี้ยังมีเข็มนาฬิกาทรงเสปด ที่มีลักษณะคล้ายรูปทรงโพธิ์ดำที่ส่วนปลาย โดยส่วนหัวของเข็มนาฬิกาแสดงเวลาชั่วโมง จะมีความโค้งมนมากกว่าเพื่อสร้างความแตกต่าง กับตัวเลขโรมันทรงเรียวยาวและตรงที่เรียงรายอยู่รอบหน้าปัด ในขณะที่เข็มนาฬิกาแสดงเวลานาที จะยังคงมีความเรียวยาวอยู่แต่จะมีส่วนหัวและความคอดของเข็ม ที่แตกต่างกับตัวเลขโรมันทรงเรียวยาว เพื่อวัตถุประสงค์ในลักษณะเดียวกัน พร้อมความยาวของเข็มที่พาดยาวไปจนถึงขอบหน้าปัด เพื่อความชัดเจนในการอ่านค่าในระดับสูงสุด ในขณะเดียวกัน ด้านล่างของหน้าปัดบริเวณเหนือ 6 นาฬิกา จะมีวงแสดงเวลาวินาทีพร้อมกำกับเฉพาะเวลาในทุกๆ 10 วินาทีเป็นตัวเลขแบบอาร์บิค เพื่อลดความสับสนและสร้างความแตกต่างจากตัวเลขแสดงเวลาชั่วโมงและนาที นอกจากนี้ยังทำให้ตัวเลขขนาดเล็กในวงแสดงวินาทีนี้ มีความชัดเจนขึ้นในทันทีที่เห็น พร้อมกับเข็มแสดงเวลาวินาทีแบบบาตอนที่เรียบและตรง ในขณะที่มีปลายเข็มอีกหนึ่งด้านยื่นออกมาอย่างชัดเจน เพื่อการแยกแยะในการอ่านค่าได้ในทันทีอีกเช่นเดียวกัน
สุดท้ายคือวงแสดงพลังสำรองลานที่บริเวณใต้ 12 นาฬิกา โดยเป็นวงแสดงพร้อมกำกับเวลาชั่วโมงของลานที่ยังเหลืออยู่ในแต่ละระดับ พร้อมกับเน้นให้เห็นถึงระดับพลังงานที่เต็มและระดับพลังงานที่กำลังจะหมดลง โดยแสดงระดับในลักษณะเดียวกันกับการเดินของเข็มนาฬิกา เริ่มจากตำแหน่งประมาณ 1 นาฬิกาไปจนสุดที่ตำแหน่งประมาณ 11 นาฬิกา เพื่อความชัดเจนในการอ่านค่าพลังสำรองลานที่ยังคงมีอยู่ และเพื่อเตรียมความพร้อมในการขึ้นลานให้นาฬิกาเดินได้อย่างเที่ยงตรงตลอดเวลา ซึ่งเหล่านี้คือเรื่องราวความหมายของรายละเอียดบนหน้าปัดนาฬิกาแบบมารีนโครโนมิเตอร์ ที่ไม่เพียงแต่เป็นศิลปะและความงดงามในยุคปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นความหมายและเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานได้จริงตั้งแต่ในยุคอดีต และสะท้อนถึงการใช้งานของผู้คนในยุคปัจจุบัน โดย ULYSSE NARDIN ยังคงถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ลงในเรือนเวลาต่างๆ ในคอลเลคชั่น Marine ได้อย่างครบถ้วน เพื่อส่งมอบเกียรติภูมิความเที่ยงตรงของนาฬิกาแบบมารีนโครโนมิเตอร์นี้ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันได้อย่างครบถ้วนและงดงาม
