Review of ROLEX GMT-Master II, Ref. 126710BLNR
By: Dr. Pramote Rienjaroensuk
ทุกปีในงาน Baselworld แบรนด์นาฬิกาจาก ROLEX น่าจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งของงานอยู่เสมอ จากการที่พาวิลเลี่ยนที่จัดแสดง จะตั้งตระหง่านอยู่ในโซนด้านหน้าของฮอลล์ 1 ซึ่งเป็นฮอลล์หลักของงาน รวมทั้งความยอดนิยมของ ROLEX ที่ทั่วโลกรู้จักกันดีและถูกเฝ้าจับตามองตลอดในทุกย่างก้าว
และนาฬิการุ่นที่ถือว่าเป็นที่ฮือฮามากที่สุดในงาน Baselworld 2019 ก็คือ ROLEX GMT-Master II ใน Ref. 126710BLNR ที่นับเป็นภาคต่อของนาฬิการุ่น GMT-Master II ใน Ref. 116710BLNR ที่ถือเป็นโทนสีสันใหม่ของขอบเบเซิล นั่นก็คือโทนสีดำ/น้ำเงิน ที่นักสะสมทั่วโลกให้คำจำกัดความและเรียกกันว่า Batman
GMT-Master II Ref. 116710BLNR
ซึ่งความฮิตของนาฬิการุ่นนี้ มาจากยุคแห่งสีสันที่ผู้คนยุคนี้นิยมชมชอบ บวกกับโทนสีใหม่นี้ที่แต่เดิม จะเป็นโทนสีดำ/แดง หรือโทนสีดำ/น้ำเงิน มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของนาฬิการุ่น GMT Master และคำว่า Batman ก็มาจากโทนสีดำ/น้ำเงิน ที่เป็นหนึ่งในภาพลักษณ์ของสีสันจากตัวการ์ตูน Batman
GMT-Master II Ref. 126710BLNR
โดยนาฬิการุ่น GMT-Master II ใน Ref. 126710BLNR ถือเป็นหนึ่งในโมเดลของ ROLEX ที่มีช่วงระยะเวลาการผลิตที่ค่อนข้างสั้นคือตั้งแต่ปี 2013-2019 และทำให้นักสะสมจำนวนมาก ต่างก็รอคอยนาฬิการุ่นนี้ที่ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากนาฬิการุ่นเดิม ที่มียอดการผลิตที่สั้นแต่ความต้องการในตลาดที่สูงลิบลิ่ว
จุดสำคัญอีกจุดหนึ่งของขอบเบเซิลสีดำ/น้ำเงินนี้ คือความแปลกใหม่ที่ ROLEX ไม่เคยผลิตขอบเบเซิลเซราโคมในแบบสองสีมาก่อน โดยก่อนหน้านี้ ROLEX เองยังเคยแจ้งว่าเป็นขั้นตอนที่แทบเป็นไปไม่ได้ ซึ่งอย่างไรก็ตามในปี 2013 ทาง ROLEX ก็สามารถนำเสนอขอบเบเซิลแบบนี้ออกสู่ตลาดได้จริงเป็นครั้งแรก
ลุคสำคัญของนาฬิการุ่นนี้คือสายแบบ Jubilee ที่ถือเป็นความต่อเนื่องจากนาฬิการุ่น GMT-Master II ใน Ref. 126710BLRO ที่เป็นการสืบทอดความหรูหราของสายกับนาฬิการุ่น GMT-Master ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาในสปอร์ทโปรเฟสชันนัลเพียงโมเดลเดียวที่ใช้สายแบบ Jubilee นี้
ทำให้ผู้สวมใส่นาฬิการุ่นนี้จะดูมีความหรูหรามากขึ้น ที่แม้ในยุคนี้ผู้คนจะให้ความสำคัญกับสายแบบ Oyster โดยเฉพาะในนาฬิการุ่นสปอร์ทโปรเฟสชันนัลมากกว่า ซึ่งตรงจุดนี้เองที่อาจทำให้ทาง ROLEX ตัดสินใจเปลี่ยนแบบข้อต่อเอนลิ๊งค์ของสายกับตัวเรือน ให้ไม่สามารถสลับไปใช้กับสายแบบ Oyster ได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ดี สายแบบ Jubilee นี้กลับให้ความพอดีและเข้ากับทุกขนาดข้อมือได้ดีกว่า ด้วยความที่มีข้อต่อแบบ 5 ลิ๊งค์พร้อมขนาดของแต่ละลิ๊งค์ ที่เล็กลงตามสไตล์ของสายแบบ Jubilee เข้ากันกับตัวเรือน Oyster ยอดนิยมของ ROLEX ผนวกกับโทนสีของขอบเบเซิลดำ/น้ำเงิน ที่ถือเป็นสีแห่งความหรูหราในยุคปัจจุบัน
อีกจุดสำคัญที่น่าสนใจคือ กลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 3285 ที่ถือเป็นกลไกเจเนเรชั่นล่าสุดสำหรับนาฬิการุ่นสปอร์ทโปรเฟสชันนัลของ ROLEX ที่มีจุดเด่นของพลังสำรองลานที่ยาวนานถึง 70 ชั่วโมง โดยเชื่อว่ากลไกพื้นฐานนี้ จะถูกนำไปใช้กับนาฬิการุ่นสปอร์ทโปรเฟสชันนัลอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคตต่อไป
ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่านาฬิการุ่นนี้ จะเป็นรุ่นที่เป็นหนึ่งในสปอร์ทโปรเฟสชันนัลที่สำคัญของ ROLEX รองจากรุ่น Cosmograph Daytona และ Submariner ที่ต่างก็ถือเป็นสุดยอดแห่งความนิยมในตลาด และก็น่าจะกำลังถึงเวลาต้องเปลี่ยนโมเดล เพื่อไปใช้กลไกชุดใหม่นี้ตามนาฬิการุ่น GMT-Master II นี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อของร้าน PMT The Hour Glass ในการจัดหานาฬิการุ่นพิเศษนี้เพื่อใช้งานส่วนตัว