Sapphire Watches, Extraordinary Watch
By Dr. Attawoot Papangkorn
ซึ่งนอกจากการเป็นตัวแทนในฐานะเครื่องบอกเวลาแล้ว เรือนเวลายังบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้ที่สวมใส่ได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกที่ผู้ผลิตนาฬิกาทั้งหลายต่างก็สรรหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้ามาโดยตลอด เพื่อการยกระดับสินค้าของตนให้เหนือกว่าคู่แข่ง
ซึ่งการแข่งขันนี้ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะกลไกเหมือนในอดีตเท่านั้น เพราะยังเกี่ยวข้องไปถึงส่วนอื่นๆ ของนาฬิกามากมาย รวมทั้งยังลามไปถึงวัสดุในการผลิตตัวเรือนนาฬิกาอีกด้วย เนื่องจากตัวเรือนนาฬิกาเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดความโดดเด่นและแตกต่างเหนือผู้อื่นได้ง่าย
ในปี 2016 นาฬิกาแบรนด์ HUBLOT ได้ปฏิวัติวงการเครื่องบอกเวลาชั้นสูง ด้วยการนำเสนอวัสดุอย่าง แซฟไฟร์เข้ามาใช้ในการผลิตตัวเรือนนาฬิกา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก แต่ HUBLOT ก็สามารถนำแซฟไฟร์ มาใช้ในการผลิตตัวเรือนนาฬิกา ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อนได้สำเร็จ
เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผลิต กับวัสดุที่มีความซับซ้อนรวมไปถึงเทคนิคที่ล้ำสมัย ในการหลอมธาตุโลหะ (Fe) ให้ผสานกับอะลูมิเนียมออกไซด์ (Al203) ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตแซฟไฟร์ ร่วมกับวัตถุดิบอื่นๆ เช่น โลหะ โครเมียม (Cr) ที่ความร้อนซึ่งมีอุณหภูมิสูงระหว่าง 2,000-2,050 องศาเซลเซียส
ซึ่งผลที่ได้คือ ตัวเรือนนาฬิกาที่มีสีสันสม่ำเสมอทั่วทั้งเรือน มีความโปร่งแสงและโปร่งใส มีความทนทานต่อการขีดข่วนในระดับที่สูงมาก ซึ่งถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในโลกของนาฬิกาชั้นสูงทันที ด้วยเหตุที่แซฟไฟร์มีกระบวนการตกผลึกที่ไม่เสถียร การผลิตตัวเรือนนาฬิกาจากวัสดุประเภทนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงสูงในการผลิตชิ้นตัวเรือน ที่มีความซับซ้อนหลายต่อหลายชิ้นให้ปราศจากตำหนิต่างๆ เช่น ฟองอากาศหรือฝุ่นละออง ที่อาจแทรกตัวเข้าไประหว่างกระบวนการผลิตได้โดยง่าย รวมไปถึงโอกาสที่จะเกิดการแตกหรือบิ่น ทั้งระหว่างการผลิตหรือการประกอบได้อีกด้วย
แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นก็คือปริมาณในการผลิตแซฟไฟร์ ซึ่งในปัจจุบันยังใม่สามารถผลิตชิ้นงานออกมาได้เป็นจำนวนมากๆ รวมทั้งความยุ่งยากในการเพิ่มสีสันลงบนชิ้นงาน ให้มีสีที่เรียบเท่ากันตลอดแล้ว จึงเป็นสิ่งที่แบรนด์นาฬิกาชั้นสูงทั้งหลายต่างก็พยายามก้าวข้ามขีดจำกัดเหล่านี้
จนกระทั่งเกิดเป็นเรือนเวลาสุดพิเศษ ที่ต่างก็มีตัวเรือนที่ผลิตจากแซฟไฟร์ไม่ว่าจะเป็น HUBLOT Big Bang Unico Sapphire, BELL&ROSS BR-X2 Skeleton Tourbillon Micro-Rotor, GREUBEL FORSEY Double Balancier Sapphire หรือ SPEAKE-MARIN Minute Repeater Flying Tourbillion Légèreté
จากการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตเครื่องบอกเวลาที่ไม่เคยหยุดนิ่งนี้ แต่ละแบรนด์ต่างก็มองหาโอกาสและความท้าทาย ต่อความสามารถในการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตเรือนเวลาที่ไม่เหมือนใครและไม่เพียงแต่จะมีความสวยงามประณีตเท่านั้น แต่ต้องแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในการสร้างสรรค์ความโดดเด่นอีกด้วย
เพราะนั่นจะไม่เป็นเพียงแค่การยกระดับทั้งความสามารถ ความท้าทาย และความโดดเด่นให้กับแบรนด์ของตัวเองเท่านั้น แต่จะหมายถึงสิ่งที่ลูกค้าระดับเศรษฐีทั่วโลก ที่ต่างก็พร้อมจะเป็นลูกค้าคนพิเศษเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับข้อมือของตัวเองอีกด้วย