ย้อนมองประวัติศาสตร์กับ AUDEMARS PIGUET Philosophique
ในช่วงวิกฤตควอท์ซ AUDEMARS PIGUET เองก็สร้างความท้าทายด้วยการนำเสนอเรือนเวลา กลไกเพอเพทชวลคาเลนดาร์ที่บางที่สุดในโลกในช่วงปี 1978 โดยมาพร้อมกลไกอัตโนมัติ ที่เป็นการหลอมรวมวิถีการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม ผนวกเข้ากับดีไซน์ที่แปลกใหม่ ซึ่งก็มีนาฬิการุ่น Philosophique เรือนเวลาแบบเข็มเดียวที่ทำงานด้วยกลไกไขลานรวมอยู่ด้วยในช่วงปี 1982 โดยนาฬิกาเรือนนี้มีความโดดเด่นที่แนวคิดของการไหลผ่านของกาลเวลา ราวกับย้อนสู่จุดเริ่มต้นของเครื่องบอกเวลาในอดีต ที่มีเพียงเข็มเดียวตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 18 จากวิธีการคิดค้นการส่งผ่านพลังงานให้นาฬิกาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น Philosophique จึงเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงรากเหง้าของเรือนเวลา และเป็นการปลดปล่อยเวลาออกจากการตามหาความเที่ยงตรง ในทุกสิ่งอย่างของสังคมปัจจุบัน เพราะสุดท้ายแล้วการสวมใส่นาฬิกา ก็เปรียบเสมือนเครื่องสะท้อนถึงนัยยะทางสังคม อารมณ์ และความรู้สึกของผู้คนในทุกยุคทุกสมัยจวบจนถึงปัจจุบัน
ในขณะที่นาฬิกาคอลเลคชั่น Millenary ถือเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นที่โดดเด่นสำหรับสุภาพสตรี เหมือนกับตั้งแต่ในปี 1875 ที่ AUDEMARS PIGUET ทุ่มเทรังสรรค์จักรกลเวลาสำหรับสุภาพสตรีมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น ทั้งตัวเรือนแบบคลาสสิคไปจนถึงชิ้นงานล้ำสมัย ที่ล้วนดีไซน์ให้ควรค่ากับทุกไลฟ์สไตล์ของสุภาพสตรี โดยผสมผสานทั้งความชำนาญของช่างนาฬิกา สุนทรียศาสตร์อันสร้างสรรค์ การยศาสตร์ที่เยี่ยมยอด ตลอดจนเทคนิคขัดแต่งชั้นเลิศเข้าด้วยกัน นับเป็นการส่งมอบความท้าทายในอุตสาหกรรมนาฬิกามาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกันก็ยังแสดงความเคารพต่อประเพณีการประดิษฐ์เรือนเวลาและเทคนิคการประดับอัญมณีชั้นสูงมาโดยตลอด
ซึ่งหลังจากการเปิดตัวคอลเลคชั่นแรกของ Millenery ไปเมื่อปี 1995 นาฬิการุ่นนี้ก็กลายเป็นเรือนเวลาแห่งความสง่างาม ที่เปิดรับความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยตัวเรือนทรงรี หน้าปัดแบบเยื้องศูนย์กลาง และดีไซน์ที่เผยให้เห็นหัวใจของการทำงานภายในโดยละเอียด ถ่ายทอดแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมและงานศิลป์ โดยผสานความแตกต่างอย่างลงตัวของทักษะงานฝีมือชั้นสูงและนวัตกรรมการออกแบบไว้ด้วยกัน แม้ว่าดีไซน์เริ่มต้นจะทำมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับคุณสุภาพบุรุษ แต่ในปี 1998 นาฬิกา Millenery สำหรับคุณสุภาพสตรีรุ่นแรกก็สร้างปรากฏการณ์ ที่ชวนให้หญิงสาวทั่วโลกต่างต้องหลงใหล
นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา Millenary จึงกลายเป็นคอลเลคชั่นเรือนเวลาสำหรับคุณสุภาพสตรีเท่านั้น โดยนำเสนอรูปลักษณ์ที่ดูนำสมัย และเพิ่มความหลากหลายในแง่วัสดุและเทคนิคต่างๆ อาทิ เทคนิคขัดแต่ง เทคนิคขัดเงาแบบซาติน ไปจนถึงแบบฟรอสต์ โกลด์ โดยความคิดสร้างสรรค์ในคอลเลคชั่นนี้ ก็ถูกส่งต่อมายังตัวเรือนปี 2019 กับ Millenary Frosted Gold Aventurine ที่นำเสนอความงามบนพื้นหน้าปัดอเวนเจอรีนสีน้ำเงินเข้ม ที่ชวนให้ระลึกถึงหมู่ดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า โดยอเวนเจอรีน ถูกค้นพบโดยบังเอิญในช่วงศตวรรษที่ 17 ระหว่างกระบวนการผลิตแก้วที่โรงงานบนเกาะมูราโน่ ประเทศอิตาลี ซึ่งปัจจุบันสีน้ำเงินของอเวนเจอรีน เกิดจากการเติมแบล็คคอปเปอร์ และโคบอลท์ลงไปในแก้วนั่นเอง
นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมตัวเรือนที่ผสาน “ฟลอเรนทีนเทคนิค” ลงบนด้านข้างตัวเรือน ขอบตัวเรือน ขอบตัวเรือนด้านใน และขาตัวเรือน เพิ่มลุควินเทจด้วยสายนาฬิกาไวท์โกลด์แบบโพลิชเมช ที่ปรับเปลี่ยนวิถีการถักทอทองแบบทิศทางเดียวในยุคสมัย ก่อนสู่การถักทอทองแบบสลับไปมารอบแกน ซึ่งนอกจากจะเพิ่มช่องว่างและความยืดหยุ่นของสายตาแบบข่ายนี้แล้ว ยังมอบสัมผัสที่บางเบาราวกับเส้นไหม โอบรับกับข้อมือของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างนุ่มนวล ในราคาจำหน่ายที่ 1,830,700 บาท