OMEGA Seamaster Planet Ocean Ultra Deep Professional, Part II
การออกแบบช่องสำหรับการมองของนาฬิกา OMEGA Seamaster Planet Ocean Ultra Deep Professional นี้ ถือเป็นขั้นตอนการออกแบบที่เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับภารกิจในครั้งนี้ ดังนั้นพื้นที่ในส่วนช่องมองของยาน DSV Limiting Factor ที่ถูกออกแบบเพื่อเป็นการลดแรงดันน้ำ ที่สามารถกระทำกับขอบด้านในตัวยานได้ ซึ่งถือเป็นจุดที่เปราะบางมากที่สุด ถูกนำมาใช้ในลักษณะเช่นเดียวกัน กับการติดตั้งกระจกแซฟไฟร์เข้ากับตัวเรือนของนาฬิกา Seamaster Planet Ocean Ultra Deep Professional
ทาง OMEGA เลือกที่จะจัดการกับแรงดัน ด้วยการกระจายแรงดันในทิศทางเดียวออกจากกัน โดยการออกแบบเป็นทรงกรวยด้านใน และยังมีการใช้ลิควิดเมทัล (Liquidmetal®) ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่น แต่มั่นคงเพื่อยึดกระจกแซฟไฟร์เข้ากับตัวเรือนอีกด้วย ซึ่งนวัตกรรมการเชื่อมยึดด้วยความร้อน ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการจดสิทธิบัตรนี้ ยังช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการใช้โพลีเมอร์ เพิ่มเติมในจุดต่างๆ และยังช่วยลดความหนาของกระจกแซฟไฟร์ลงได้อีกขั้นหนึ่งด้วย
ขานาฬิกาแบบ Manta ของนาฬิกา Seamaster Planet Ocean Ultra Deep Professional ถูกออกแบบให้กลมกลืนไปกับตัวเรือนไทเทเนียม และมีปลายเปิดด้านล่าง เพื่อลดความเสี่ยงด้านขีดจำกัดทางวัสดุ ยามต้องเผชิญกับแรงดันที่มากระทำเมื่ออยู่ในมหาสมุทร โดยปลายเปิดดังกล่าวมีรูปลักษณ์ คล้ายกับเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของปลากระเบนราหู จึงเป็นที่มาของชื่อขานาฬิกาแบบ “Manta” นั่นเอง
นอกจากนี้ ฝาหลังของนาฬิกา ยังมีตราสัญลักษณ์ของการสำรวจ ติดภายในวงกลมบริเวณกึ่งกลางฝาหลัง ดูคล้ายกับเทคโนโลยีโซนาร์ชนิดหลายลำคลื่น (Multi Beam Sonar) ในส่วนของรุ่นเรือนเวลา หมายเลขอ้างอิง วัสดุ การรับรอง DNV-GL และข้อความ – tested 15,000m 49212ft – ล้วนได้รับการสลักด้วยเลเซอร์
มีนาฬิกาทั้งหมด 3 เรือน ที่ได้ลงไปเยือนก้นสมุทร โดยสองเรือนถูกติดตั้งที่แขนกลของยาน และอีกหนึ่งเรือนติดตั้งเข้ากับระบบ Lander และจากประสบการณ์ในการสำรวจอวกาศของแบรนด์ OMEGA จึงคัดสรรวัสดุที่ใช้ผลิตสายนาฬิกาอย่างโพลิอาไมท์ และเวลโคร ซึ่งมีความใกล้เคียงกับสายนาฬิกา แบบเดียวกับที่ใช้ในภารกิจ Apollo มาใช้ในภารกิจครั้งนี้
นาฬิกาทุกเรือน จะถูกนำไปทดสอบแรงดันน้ำที่โรงงานของ Triton ในบาร์เซโลนา และอยู่ในการควบคุมจากกรรมการของ DNV-GL การทดสอบจะทำโดยใช้การตั้งค่าแรงดันสูงสุดไว้ ให้มีขนาดเทียบเท่ากับแรงดันน้ำที่ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนาและเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการผลิตนาฬิกาดำน้ำ กับความต้องการของ OMEGA ที่ต้องการเสริมความมั่นใจให้มากยิ่งขึ้น แบรนด์จึงได้เพิ่มระดับการทดสอบแรงดันให้สูงยิ่งขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ในตอนแรกอีก 25% ซึ่งหมายความว่าเรือนเวลาจะต้องทำงานได้อย่างไร้ที่ติ จนถึงที่ระดับความลึก 1500 บาร์ หรือ 15,000 เมตร
หลังจากผ่านการทดสอบที่ Triton และจุดที่ลึกที่สุดในโลกแล้ว เรือนเวลา OMEGA Seamaster Planet Ocean Ultra Deep Prefessional จึงถูกนำไปทดสอบ ตามมาตรฐานความเที่ยงตรงขั้นสูงสุด ของอุตสาหกรรมเวลาด้วยบททดสอบสุดขั้ว 8 ด้านเป็นระยะเวลา 10 วัน ตามกำหนดของ Swiss Federal Institute of Metrology (METAS) ที่เรียกได้ว่านอกจากผ่านการทดสอบใต้น้ำในสภาวะสุดขั้วแล้ว เรือนเวลาทุกเรือนยังต้องผ่านการทดสอบมาตรฐาน Master Chronometer อีกด้วยเช่นกัน