1st BANGKOK INDEPENDENT WATCHMAKING EXHIBITION 2019
นับเป็นครั้งแรกในเมืองไทย กับการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของ 18 แบรนด์นาฬิกาอิสระระดับโลกในการนำเสนอผลงานมาสเตอร์พีซให้นักสะสมและคนรักนาฬิกาของเมืองไทย รวมถึงในภูมิภาคเอเชีย ได้ชมกันอย่างใกล้ชิดกับงานนิทรรศการนาฬิกาแบรนด์อิสระครั้งยิ่งใหญ่ “BANGKOK INDEPENDENT WATCHMAKING EXHIBITION 2019” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง อาร์ทออฟไทม์ (Art of Time) บริษัทร่วมระหว่าง จิมมี่ เทย์ (Jimmie Tay) และโคลีน ทู (Caureen Too) ผู้คร่ำหวอดในวงการนาฬิการะดับสูงจากสิงคโปร์ และหุ้นส่วนในเมืองไทย กรรณิการ์ เทียนถวาย โดยได้รับความร่วมมือจาก เกษรวิลเลจ (Gaysorn Village) ไลฟ์สไตล์เออร์บันวิลเลจแห่งแรกและแห่งเดียวของเมืองไทย และการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 8 กันยายน 2562 ณ ชั้น G เกษรวิลเลจ
ผลงานหนึ่งเดียวในโลกเพื่อการกุศล
ในงานนี้ยังได้รับความร่วมมือจากแบรนด์อิสระ 8 แบรนด์ที่รังสรรค์ผลงานนาฬิกามาสเตอร์พีช ที่มีเพียงเรือนเดียวในโลกเพื่อร่วมฉลองการจัดนิทรรศการนาฬิกา แบรนด์อิสระครั้งแรกในเมืองไทย โดยรายได้จากการประมูลส่วนหนึ่งจะร่วมสมทบทุนให้กับโครงการกำลังใจในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
โครงการกำลังใจ เป็นโครงการที่ก่อตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินกิจกรรมที่เป็นการเสริมและไม่ซ้ำซ้อนกับสิ่งที่ทางราชการได้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยมีกลุ่มเป้าหมายได้แก่ กลุ่มผู้ต้องขังสตรี กลุ่มเด็กติดผู้ต้องขัง กลุ่มเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดและกลุ่มผู้ขาดโอกาสอื่นๆ ในกระบวนการยุติธรรม ให้มีโอกาสกลับมาดำรงชีวิตเป็นคนดีของสังคมได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง
นาฬิกาเรือนพิเศษทั้ง 8 เรือน ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษโดยช่างนาฬิกา ในสไตล์ของแต่ละแบรนด์ และรังสรรค์เป็นผลงานชิ้นเอกโดยนำสัญลักษณ์ ภาพลักษณ์ และเอกลักษณ์ต่างๆ ของประเทศไทยเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ การจัดแสดงในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก แบรนด์อิสระชั้นสูง อาทิ Ludovic Ballouard (ลูโดวิค บัลลัวด์), Matthias Naeschke (แมทิอัส เนสเก), Kudoke (คูโดเก), Perrelet (แพร์เรเร็ต), Christophe Claret (คริสตอฟ คลาเรต์), Ateliers DeMonaco (อเตลิเยร์ เดอโมนาโค), Kerbedanz (เคอร์เบแดนซ์) และ Azimuth (อะซิมุท) ที่นำผลงานการออกแบบและกลไกจักรกลที่แตกต่างมานำเสนอ พร้อมเปิดให้จองในราคาตั้งแต่ 165,000 – 2,945,250 บาท
สำหรับการประมูลนาฬิการระดับมาสเตอร์พีซที่มีเพียงเรือนเดียวในโลกครั้งนี้จะจัดขึ้นที่คริสตัล บ๊อกซ์ ชั้น 19 เกษร เออร์บัน รีสอร์ท Co-Shareing Space แห่งใหม่ใจกลางเมือง พื้นที่อำนวยความสะดวกรูปแบบใหม่ ที่ออกแบบในสไตล์รีสอร์ทสุดหรูกลางใจกรุงเทพมหานครโดยออกแบบฟังก์ชันการทำงานหลากหลายรูปแบบ ตั้งอยู่ที่อาคาร เกษรทาวเวอร์ ในวันที่ 6 กันยายน 2562 เวลา 19.00 น. โดยมีพันธมิตรอย่าง สถาบันการประมูลคริสตี้ส เป็นผู้ดำเนินการประมูลได้
พบกับช่างนาฬิการะดับโลกในงานนี้
นอกเหนือจากผลงานระดับมาสเตอร์พีซจาก 18 แบรนด์อิสระที่จะนำมาจัดแสดงให้ชมกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่ไม่มีตัวแทนจำหน่ายในเมืองไทย จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่เจ้าของแบรนด์และช่างนาฬิกาที่เปี่ยมความสามารถจะเดินทางเข้าร่วมงานด้วยตนเอง เพื่อนักสะสมนาฬิกาและผู้เข้าชมงานสามารถพูดคุยและศึกษาเรื่องราวของแบรนด์ต่างๆ ได้โดยตรง ซึ่งเจ้าของแบรนด์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นช่างนาฬิกาอัจฉริยะที่สร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง มีความรอบรู้และชำนาญทั้งในด้านการออกแบบและความลึกซึ้งด้านวิศวกรรมกลไกจักรกลชั้นสูง อีกทั้งเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานเลี้ยงรับรองพิเศษด้วย
Ludovic Ballouard ช่างนาฬิกาเจ้าของแบรนด์ที่ใช้ชื่อของตนเอง, Xavier De Roquemaurel (ซาเวียร์ เดอ โรคูมัล) เจ้าของแบรนด์ Czapek (ซาเป็ก) และช่างนาฬิกาคล๊อก Sebastian Naeschke (เซบาสเตียน เนสเก) เจ้าของแบรนด์ Matthias Naeschke จะเข้าร่วมในงานนี้ และเป็นการเดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกของพวกเขาด้วย
นอกจากนี้ก็จะมีผู้บริหารระดับสูงของแบรนด์ต่างๆ อาทิ Alchemists (อัลเคมิสท์ส), Azimuth (อะซิมุท), Christophe Claret (คริสตอฟ คลาเรต์), Cyrus (ไซรัส), Ateliers DeMonaco (อเธอลิเยร์ เดอโมนาโค), Kerbedanz (เคอร์เบแดนซ์), Manufacture Royale (แมนูเฟคเจอร์ รอยัล), HYT (เอชวายที), Speake-Marin (สปีค-มารีน), Paul Design (พอล ดีไซน์), Perrelet (แพร์เรเร็ต), Romain Gauthier (โรแมง โกติเยร์), Schwarz-Etienne (ชาวาร์ซ เอเตียง) และ Strom (สตรอม) มาร่วมงานด้วย
สำหรับงาน BIWE 2019 จิมมี่ เทย์ หนึ่งในผู้จัดงานกล่าวว่า “ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการเก็บสะสมนาฬิกาประเภทต่างๆ ในหลายครอบครัวมีการส่งต่อนาฬิกาจากรุ่นไปสู่รุ่น เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติล่ำค่าของตระกูล ในขณะที่คนรุ่นใหม่ก็กำลังมองหาของสะสมและก้าวขึ้นเป็นนักสะสมนาฬิกากันมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้จะได้เห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของตลาดนาฬิการะดับลักชัวรี่ในประเทศไทย รวมถึงยังมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับกลุ่มคอมมูนิตี้ของเหล่าคนรักและนักสะสมนาฬิกาที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย การเดินทางเพื่อมาชมผลงานนาฬิกาเหล่านี้ นับเป็นการเปิดมุมมองใหม่และเข้าถึงกลุ่มนักสะสมนาฬิกาได้อย่างแท้จริง และเราจะได้เห็นถึงการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของนาฬิกาแบรนด์ใหม่ๆในงานครั้งนี้อีกด้วย”