BANGKOK INDEPENDENT WATCHMAKING EXHIBITION 2019 Part II

 

โดยปกติแล้ว แบรนด์นาฬิกาแนวอินดิเพนเดนซ์ จะมีช่างนาฬิกาที่มีความสามารถเป็นตัวหลัก และอเทอลิเยร์เล็กๆ ในการทำงาน ส่วนที่จะมีช่างนาฬิกา และโรงงานนาฬิการะดับใหญ่นั้น จะมีเพียงไม่กี่แบรนด์ และหนึ่งในนั้นก็คือ CHRISTOPHE CLARET แบรนด์นาฬิกาที่มีช่างนาฬิกาที่มากด้วยความสามารถ รวมทั้งโรงงานที่มีศักยภาพในการผลิต ซึ่งเป็นการผลิตให้ทั้งแบรนด์ของตนเองและผลิตงานให้แบรนด์อื่นๆ พร้อมๆ กัน

 

Christophe Claret 2

 

โดยช่างนาฬิกาชื่อเดียวกับแบรนด์ Mr. Christophe Claret เป็นหนึ่งในช่างนาฬิกาผู้มากด้วยฝีมือในวงการนาฬิกาโลกยุคปัจจุบัน งานสำคัญของ Mr. Christophe Claret ที่ฝากกับแบรนด์ต่างๆ มีอยู่มากมาย ตั้งแต่ ULYSEE NARDIN, PARMIGIANI, CORUM รวมไปถึงแบรนด์อื่นๆ อีกมาก โดยกลไกฟังก์ชั่นสำคัญๆ ที่ผ่านการออกแบบโดย Mr. Christophe Claret มีตั้งแต่โครโนกราฟสปลิทเซคคั่น ตูร์บิยอง รวมทั้งมินิทรีพีทเตอร์ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นฟังก์ชั่นคลาสสิคที่วงการนาฬิกาให้การยอมรับ

 

Screen Shot 2019 07 17 at 15.49.43

 

กว่า 10 ปีที่ CHRISTOPHE CLARET เปิดตัวและนำเสนอผลงานออกสู่ตลาด ก็เรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้คนได้ในทุกปี ซึ่งนอกจากฟังก์ชั่นคลาสสิคระดับสูงทั่วไปอย่างที่กล่าวไปแล้ว ยังมีอีกหลากหลายรูปแบบจาก CHRISTOPHE CLARET ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือรูปแบบการแสดงเวลาแบบพิเศษ รวมทั้งการใช้กระจกแซฟไฟร์ในรูปแบบพิเศษต่างๆ ที่ทำให้นาฬิกาหลายรุ่นจาก CHRISTOPHE CLARET มีความโดดเด่นจากนาฬิกาทั่วไปตั้งแต่แรกเห็น

 

88 ChristopheClaret Aventicum MTR.AVE15.070 107 Recto A4 300dpi RVB

 

555 christophe claret aventicum mecca 52 automatic pvd le mtrave15200 263 7924 3

 

สำหรับงาน BANGKOK INDEPENDENT WATCHMAKING EXHIBITION 2019 ทาง CHRISTOPHE CLARET เลือกนาฬิการุ่น Aventicum สร้างเป็นนาฬิการุ่นพิเศษแบบยูนีคพีซ Aventicum Thailand Edition โดยนาฬิการุ่นนี้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษบริเวณกลางหน้าปัด ที่สามารถมองเห็นช้างไทยที่ผลิตจากทองหนึ่งตัว ที่ผ่านการแกะสลักด้วยเทคโนโลยีไมโคร-เอ็นเกรฟ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5-3 มิลลิเมตร ยืนเด่นเป็นสง่าผ่านกระจกส่องขยาย ให้ผู้สวมใส่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเทคนิคนี้ทาง CHRISTOPHE CLARET เรียกว่ามิราสโคป (Mirascope) ที่เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่พัฒนาจากแบรนด์นี้

 

Screen Shot 2019 07 17 at 16.20.30

 

นอกจากนี้ ยังมีการใช้โทนสีดำและทอง ในการสร้างให้เห็นเป็นภาพของเจดีย์ ที่ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในภาพลักษณ์สำคัญของประเทศไทย และทาง CHRISTOPHE CLARET ได้รับอนุญาตจากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ใช้ภาพสัญลักษณ์ต่างๆ เหล่านี้ โดยรวมไปถึงภาพโขลงช้างที่ วิ่งอยู่รอบกระจกแซฟไฟร์ด้านหลัง ที่สร้างจากเทคนิคการแกะสลักกระจกแซฟไฟร์ด้านใน เพื่อให้ความเป็นนาฬิกายูนีคพีซสำหรับประเทศไทยเรือนนี้สมบูรณ์แบบ นาฬิกา CHRISTOPHE CLARET รุ่น Aventicum Thailand Edition เรือนนี้ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ AVE15 ขึ้นลานด้วยโรเตอร์ที่ผลิตจากกระจกแซฟไฟร์ เพื่อความโปร่งใสและสามารถมองผ่านให้เห็นการทำงานของกลไกได้อย่างชัดเจน พลังสำรองลานนาน 72 ชั่วโมง ความถี่ 28,800 รอบต่อชั่วโมง (4 เฮริท์ซ) โดยมีกลไกพิเศษให้ชุดเข็มแสดงเวลา สามารถทำงานได้อย่างอิสระรอบหน้าปัดด้านใน

 

Screen Shot 2019 07 17 at 16.31.12

 

ขนาดตัวเรือน 44 มิลลิเมตร หนา 18.49 มิลลิเมตร กันน้ำ 30 เมตร ตัวเรือนผลิตจากเรดโกลด์ และไทเทเนียมเกรด 5 พีวีดีสีเทา มาร์กเกอร์อโนไดซ์สีดำบนขอบสเกลพิ๊งค์โกลด์ หน้าปัดด้านในเคลือบแลคเกอร์สีดำ เม็ดมะยมผลิตจากเรดโกลด์ ผนึกไทเทเนียมเกรด 5 พีวีดีสีเทา เข้ากันกับตัวเรือน ใช้งานกับสายหนังจระเข้พร้อมหัวเข็มขัดรัดสาย

 

Screen Shot 2019 07 17 at 16.32.44

 

ชมผลงานเรือนจริงของนาฬิกาเรือนนี้ได้ ตั้งแต่วันที่ 4 ถึง 8 กันยายน ที่ชั้น G เกษรวิลเลจ พร้อมพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ได้อย่างลึกซึ้ง กับช่างนาฬิการะดับโลกตัวจริงท่านนี้ได้ในทุกวันช่วงจัดแสดงงาน

 

65919275 10211231856391597 1799816860116451328 n