iamwatch

Twitter

ช่วงปี 1985 ในขณะที่ตลาดนาฬิกาแบบกลไกยังไม่เริ่มฟื้นตัวดีนัก และนาฬิกาชนิดต่างๆ ยังคงต้องพึ่งพาอยู่กับเรื่องของการซ่อมแซม และบูรณะ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแบบทาวเวอร์ แบบแขวน หรือแบบตั้งโต๊ะ ซึ่งต้องใช้ความสามารถของว็อชเมกเกอร์ในระดับสูง ขัดแย้งกับตัวว็อชเมกเกอร์ที่มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ และไม่มีการเพิ่มเข้าสู่ตลาด ดังนั้นแม้จะมีจำนวนนาฬิกาที่ต้องการการซ่อมแซมในช่วงนั้นอยู่มากพอสมควร แต่เพราะส่วนหนึ่งนาฬิกาเหล่านี้กลับกลายเป็นของไร้ค่า แม้ไม่ซ่อมก็ไม่เป็นไร นาฬิกาเหล่านี้จึงมักถูกปล่อยทิ้งให้ตายอยู่ทั่วไปทั้งในบ้านและนอกบ้าน แม้กระทั่งตามถนนหนทางต่างๆ ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกใจรักของว็อชเมกเกอร์ ที่ต้องบากบั่นทำงานที่ใจรัก เหมือนศิลปินผู้วาดภาพวิจิตร ที่รอคอยผู้เข้าใจมาเสพย์

 นาฬิกาทาวเวอร์ ในเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

นาฬิกาทาวเวอร์ ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี

ว็อชเมกเกอร์วัยหนุ่มหลายต่อหลายคนในช่วงนั้น ต่างก็ขะมักเขม้นทำงานกันอย่างหนัก แม้บางส่วนถูกจะมองว่าทำงานที่ล้าหลัง และอาจมองเห็นอนาคตของตัวเองได้ไม่ชัดเจนนัก แต่งานเหล่านี้ในปัจจุบัน กลับถูกตีมูลค่าสูงลิบลิ่ว ทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงประมาณ 30 ปีให้หลัง พร้อมๆ กับพัฒนาการด้านการผลิต ที่ว็อชเมกเกอร์ในยุคนั้น ต่างนำแนวความคิดในการออกแบบและการผลิต อันแยบยลของนาฬิกาในอดีตมาปรับใช้กับนาฬิกายุคปัจจุบัน ภายใต้รูปแบบของนาฬิกาข้อมือ

นาฬิกาคล็อก La Russe II ผลงานระดับแกรนด์คอมพลิเคชั่นของ Louis Audemars สมัยศตวรรษที่ 19 กับราคาประเมินของ Antiquorum ในปี 2011 ที่สูงถึง 70,000-120,000 สวิสฟรังก์

นาฬิกาแขวนโบราณของฝรั่งเศส ที่พิพิธภัณฑ์แห่งเวลาในเมือง เบซังซง ประเทศฝรั่งเศส

ซึ่งส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการที่ตลาดนาฬิกาแบบกลไก สามารถพลิกตัวและกลับมาเติบโตได้เร็วขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงปี 1985-2000 ก็เป็นผลมาจากว็อชเมกเกอร์เหล่านี้ ไล่เรียงมาตั้งแต่ Mr. Gérald Genta, Mr. Daniel Roth, Mr. Roger Dubuis และ Mr. George Daniels มาจนถึงว็อชเมกเกอร์รุ่นหนุ่มกว่า อย่างเช่น Mr. François Paul Journe, Mr. Franck Muller และ Mr. Michel Parmigiani โดยว็อชเมกเกอร์เหล่านี้ต่างพากันสร้างผลงานและประสบการณ์ที่สำคัญกับนาฬิกาทั้งหลาย ไปพร้อมๆ กับการนำทั้งศิลปะ รูปแบบ และกลไกพิเศษๆ มานำเสนอสู่สาธารณะกันมากขึ้นในช่วงปี 1990 พร้อมๆ กับพัฒนาการที่เพิ่มมากขึ้นๆ ในขณะเดียวกันกับที่กลไกควอท์ซ กลายเป็นขาลงสำหรับตลาดนาฬิการะดับสูงไปโดยปริยาย

Mr. Gérald Genta (เสียชีวิตในปี 2011)

นอกจากผลงานการบูรณะ และซ่อมแซมนาฬิกาของว็อชเมกเกอร์ทั้งหลาย ที่ปรากฎอยู่มากมายดังที่ได้เห็นในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลกในปัจจุบัน รวมถึงที่ออกสู่สายตาสาธารณะในรูปแบบการพาณิชย์ ผ่านทางร้านค้า และสำนักงานการประมูลต่างๆ ทั่วโลก ก็ยังมีอีกมุมมองหนึ่งที่เป็นภาพสะท้อนของผลงาน จากประสบการณ์อันมีค่าในอดีตเหล่านี้ นั่นก็คือนาฬิกาที่ผ่านการออกแบบทั้งรูปลักษณ์ และกลไกจากว็อชเมกเกอร์เหล่านี้

Mr. Daniel Roth

ถ้าไม่นับ Patek Philippe รุ่น Nautilus และ Audemars Piguet รุ่น Royal Oak โดย Gerald Genta แล้ว ก็น่าจะบอกได้ว่า นาฬิการูปทรงเหลี่ยมพร้อมความโค้งด้านบนและด้านล่างนั้น เป็นสัญลักษณ์สำคัญของนาฬิกาจาก Daniel Roth ในขณะที่ Sympathie ก็เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของนาฬิกาจาก Roger Dubuis พร้อมๆ กับที่ Hommage ได้แสดงความเป็นตัวตนของนาฬิกาแนวเดรสแบบคลาสสิค ที่ดูเรียบง่ายแต่สวยงามโดดเด่นสำหรับสุภาพชน

Mr. Roger Dubuis

Mr. George Daniels (เสียชีวิตในปี 2011)

Mr. François-Paul Journe

Mr. Franck Muller

Mr.Michel Parmigiani

นาฬิกา Daniel Roth รุ่น Papillon ตัวเรือนไวท์โกลด์ ผลิตจำนวนจำกัด 110 เรือนในปี 1990 ใช้กลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ DR 113 แสดงชั่วโมงแบบจั๊มปิ้งด้วยตัวเลขในช่องหน้าต่าง แสดงนาทีด้วยเข็มแบบเรโทรเกรด แสดงวินาทีด้วยเข็มวินาทีขนาดเล็กกลางหน้าปัด

นาฬิกา Roger Dubuis รุ่น Sympathie แบบ Perpetual Calendar Chronograph ตัวเรือนไวท์โกลด์ ที่ Roger Dubuis นำพื้นฐานของกลไกไขลานโครโนกราฟของ Lemania 2310 มาเพิ่มเติมชุดกลไกฟังก์ชั่นเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ แสดงวันกับวันที่ด้วยเข็มเรโทรเกรด แสดงเดือนกับลีพเยียร์ด้วยเข็มบนหน้าปัดย่อย และมูนเฟส เข้าไป

Roger Dubuis Hommage Perpetual Calendar ตัวเรือนไวท์โกลด์ หน้าปัดเปลือกหอยมุก กลไกอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ Calibre RD1439 แสดงวัน เดือน ลีพเยียร์ ผ่านช่องหน้าต่าง แสดงวันที่ด้วยเข็ม และแสดงมูนเฟส ผลิตจำนวนจำกัด 28 เรือน