iamwatch

Twitter

มาในปีนี้ทั้งคู่สานต่อความท้าทายไปอีกขั้น กับรูปลักษณ์ใหม่ของ  ครั้งแรกบนตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ขนาด 37 มิลลิเมตร พร้อมพื้นหน้าปัดดีไซน์เรียบหรู ที่เปลี่ยนลวดลายตาปิสเซอรี่อันเป็นเอกลักษณ์ให้เป็นโทนสีเงิน สุดยอดชิ้นส่วนที่เหล่าช่างฝีมือต้องอาศัยความประณีตขั้นสูงชนิดพลาดไม่ได้ ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติคาลิเบอร์ 3120 สำรองพลังงาน 60 ชั่วโมง และผลิตจำกัดเพียง 300 เรือน โดย Bucci นิยามชิ้นงานที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ว่า เป็นเรือนเวลาแห่งความขบถ สื่อถึงตัวตนของหญิงสาวยุคใหม่ ที่ไม่หยุดนิ่ง เป็นตัวเอง และกล้าที่จะแตกต่าง “Royal Oak คือนาฬิกาที่ฉันใส่ตลอดเวลา เป็นส่วนหนึ่งของสไตล์ที่ชื่นชอบ จนเหมือนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฉันไปแล้ว” Bucci กล่าวถึง Royal Oak เรือนงามของเธอ

“สำหรับนาฬิกาในรุ่นแรก เพื่อไม่ให้สูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ Royal Oak ไป ฉันจึงเลือกวิธีการตกแต่งพื้นผิวทองอย่าง 'ฟลอเรนทีนเทคนิค' ตามวัฒนธรรมการผลิตแบบดั้งเดิมของสกุลช่างฟลอเรนซ์ มาช่วยขับพื้นผิวตัวเรือนและสายนาฬิกา ให้เกิดประกายแสงระยิบระยับขนาดเล็กคล้ายประกายจากเพชร ส่วนลิมิเต็ด เอดิชั่นรุ่นล่าสุด แนวคิดการออกแบบจะตรงข้ามกับรุ่นก่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะฉันเลือกใช้พื้นหน้าปัดกระจกแบบเรียบง่ายแทนการสลักลวดลายตาปิสเซอรี่อันแสนคุ้นเคยของแบรนด์ สำหรับฉันทั้งสองรุ่นคือผลลัพธ์ที่ยากจะคาดเดาและเป็นตัวแทนแห่งความแปลกใหม่ให้กับโลกนาฬิกา ที่สำคัญหญิงสาวที่ชื่นชอบการมิกซ์แอนด์แมตช์ไอเท็มต่างๆ ต้องตกหลุมรักตัวเรือนลิมิเต็ดเอดิชั่นนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะสีสันบนพื้นหน้าปัดกระจกที่เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นลุคในแต่ละวัน แสงสี หรือแม้แต่สภาพอากาศในช่วงเวลานั้นๆ” Carolina Bucci กล่าว

Jasmine Audemars แห่ง Audemars Piguet กล่าวว่า “ปีนี้เรามีโอกาสร่วมรังสรรค์ชิ้นงานระดับมาสเตอร์พีซ กับ Carolina Bucci อีกครั้ง กรอบความคิดเชิงสร้างสรรค์ที่อยู่เบื้องหลังเรือนเวลาชิ้นนี้ช่างวิเศษนัก เพราะเป็นการหลอมรวมโลกแห่งศิลปะ และเทคโนโลยีชั้นสูงเข้าไว้ด้วยกัน” ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว Bucci ยังร่วมออกแบบกล่องใส่นาฬิการุ่นพิเศษนี้ขึ้นใหม่อีกด้วย โดยกล่องจะโดดเด่นด้วยดีไซน์กระจกที่เข้าคู่กับพื้นหน้าปัดได้อย่างไร้ที่ติ พร้อมประดับตัวอักษรย่อ AP ที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษด้วยฟลอเรนทีนเทคนิค ในสนนราคา 1,849,700 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม