BLACK MAGISTER VERTICAL DOUBLE TOURBILLION
By Viracharn Termpipatpong
หน้าที่ของตูร์บิยองคือการเพิ่มความเที่ยงตรงให้กับเอสเคปเม้นท์ของเครื่องบอกเวลาเพื่อให้เกิดความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดไม่ว่านาฬิกาจะถูกสวมใส่หรือวางไว้ ณ ที่แห่งใด โดยเป็นรูปแบบของกรงหมุนความเร็วต่ำในอัตราคงที่ซึ่งมีการติดตั้งเอสเคปเม้นท์และบาลานซ์วีลเอาไว้กับกรง เพื่อเฉลี่ยความคลาดเคลื่อนของการควบคุมเวลาจากผลกระทบของแรงโน้มถ่วงในขณะที่นาฬิกาอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ซึ่งด้วยความซับซ้อนและความยากในการผลิตของกลไกตูร์บิยองชั้นเลิศ จึงจะเห็นกลไกชนิดนี้ในนาฬิการะดับสูงเท่านั้น Speake-Marin ก็คือหนึ่งในนั้นซึ่งก็มีทั้งในคอลเลคชั่นนาฬิการะดับงานศิลป์ Cabinet des Mystères และคอลเลคชั่นนาฬิกาดีไซน์คลาสสิกร่วมสมัย J-Class
นาฬิกาตูร์บิยองนั้น ถือได้ว่าเป็น จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Speake-Marin เพราะ Foundation Watch นาฬิกาเรือนแรกที่ Speake-Marin สร้างขึ้นมาเมื่อปี 2000 นั้น เป็นนาฬิกาพกกลไกตูร์บิยองที่ ผลิตด้วยมือทั้งเรือน ซึ่งก็เป็นต้นสายพันธุ์ให้นาฬิกาข้อมือ Speake-Marin ทุกๆ คอลเลคชั่นสืบทอดดีเอ็นเอมาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากความเที่ยงตรงที่กลไกตูร์บิยองมอบให้แล้ว การเคลื่อนหมุนของกรงตูร์บิยองก็เป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้คนรักนาฬิกาหลงใหล ด้วยเหตุนี้นาฬิกากลไกตูร์บิยองส่วนใหญ่จึงมักเปิดเผยให้มองเห็นกรงตูร์บิยองได้จากทางฝั่งด้านหน้า ซึ่ง Black Magister Vertical Double Tourbillon ก็เช่นกัน
ตลอดกว่าสองร้อยปีที่ผ่านมา ตูร์บิยอง ได้รับการพัฒนาและคิดค้นอย่างต่อเนื่องโดยนักประดิษฐ์นาฬิกาท่านต่างๆ ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป กลไก “ตูร์บิยองแบบคู่” ที่จัดวางตำแหน่งใน “แนวตั้ง” ซึ่งมีอัตราการหมุนรอบละ 60 วินาทีเท่ากัน ก็เป็นกลไกตูร์บิยองอีกรูปแบบหนึ่งที่ทาง Speake-Marin พัฒนาขึ้นมา โดยนำมาใช้กับนาฬิกาจากคอลเลคชั่น J-Class ที่ให้ชื่อรุ่นว่า Magister Vertical Double Tourbillon ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2015 ทั้งในแบบตัวเรือนไวท์โกลด์และแบบตัวเรือนเรดโกลด์ด้วยการผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นจำนวนจำกัดเอดิชั่นละแค่ 5 เรือน และตามมาด้วยเรือน Black Magister Vertical Double Tourbillon เรือนนี้ในเวลาต่อมา นาฬิกาเรือนนี้มีความพิเศษอยู่ที่การเคลือบเมนเพลทของกลไกให้เป็นโทนสีดำ เพื่อขับเน้นชุดตูร์บิยองคู่อันแสนงดงามให้โดดเด่นเป็นที่สุด ขณะที่รายละเอียดในส่วนอื่นๆ ยังคงงดงามเลอเลิศเช่นเดียวกับสองเอดิชั่นก่อน ไม่ว่าจะเป็น วงหน้าปัดขนาดเล็กเคลือบ “อีนาเมลสีขาว” ซึ่งชี้แสดงเวลาด้วยเข็มชั่วโมงกับนาที “บลูด์สตีล” รูปทรง “ฟาวน์เดชั่น” อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และมีช่องหน้าต่างสำหรับแสดงกำลังสำรองกับช่องหน้าต่างแสดงกลางวัน/กลางคืน ด้วยสีสัญลักษณ์บนจานดิสก์ วางตำแหน่งขนาบอยู่ทางด้านบนและด้านล่างของวงหน้าปัดอย่างได้สมดุลย์ งดงาม และเป็นประโยชน์ รวมไปถึงกลไกไขลาน กำลังสำรอง 72 ชั่วโมง คาลิเบอร์ SM6 และตัวเรือนขนาด 46 มม. ดีไซน์แบบ “พิคคาดิลลี” อันเป็นอีกเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ ซึ่งสำหรับรุ่นนี้ใช้เป็นวัสดุไวท์โกลด์
ตูร์บิยอง 2 ชุด จัดวางตำแหน่งในแนวตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของกลไก เคลื่อนหมุนประสานไปพร้อมกันอย่างงดงาม โดยแขวนยึดอยู่กับท่อนบริดจ์ ที่ขัดแต่งด้วยมืออย่างประณีตในรูปแบบของการขัดเงาสะท้อนดุจกระจกเงา
ตูร์บิยอง 2 ชุด ซึ่งจัดวางตำแหน่งในแนวตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของกลไก SM6 เครื่องนี้จะเคลื่อนหมุนประสานไปพร้อมกัน ซึ่งแต่ละชุดต่างมีเกียร์เทรนเป็นของตัวเองโดยรับกำลังมาจากบาร์เรลคนละชุดแยกเป็นอิสระจากกัน ขณะที่อัตราการทำงานของกรงตูร์บิยองทั้งสองจะถูกประสานเข้าด้วยกันเพื่อบาลานซ์และเฉลี่ยอัตราการทำงานของทั้งสองด้วยชุดเกียร์สปริงลิมิเต็ด-สลิปขนาดเล็ก ที่เรียกว่า “เรท อีควอไลเซอร์” แล้วจึงส่งความแม่นยำสูงสุดนี้ ไปสู่กลไกแสดงเวลา ตูร์บิยองทั้ง 2 ชุดนี้ แขวนยึดอยู่กับท่อนบริดจ์ท่อนเดียวกัน โดยเป็นท่อนบริดจ์ที่ขัดแต่งด้วยมืออย่างประณีตในรูปแบบของการขัดเงาสะท้อนดุจกระจกเงา ขณะที่รูปทรงของบริดจ์กลไก วัสดุเยอรมันซิลเวอร์ กับการตกแต่งลาย “เพอร์ลาจ” นั้น เป็นการนำลักษณะมาจากบริดจ์ของ Vintage Tourbillon Mk II หนึ่งในนาฬิกาตูร์บิยองรุ่นแรกๆ ของ Speake-Marin ส่วนการ ตกแต่งลาย “เจนีวา สไตรพ์” บนเพลทกลไกแบบ “ทรี ควอเตอร์” ซึ่งมองเห็นได้จากกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลังนั้น เป็นความงดงามอย่างเหนือชั้นด้วยลักษณะลอนคลื่นที่กระจายตัวเป็นสองทิศทางออกจากส่วนกลางของเพลท ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบทั่วไปที่มักเป็นลอนคลื่นแบบทิศทางเดียว
กระจกแซฟไฟร์บานใหญ่บนฝาหลังเผยความงดงามของเพลทกลไกแบบ “ทรี ควอเตอร์” เคลือบสีดำ ซึ่งตกแต่งลาย “เจนีวา สไตรพ์” มาอย่างเหนือชั้น ด้วยลอนคลื่นที่กระจายตัวเป็นสองทิศทางออกจากส่วนกลางของเพลท ทั้งยังฉลุช่องรับกับช่องตูร์บิยองของเมนเพลทซึ่งทำให้มองเห็นชุดเกียร์สปริงลิมิเต็ด-สลิปขนาดเล็ก ที่เรียกว่า “เรท อีควอไลเซอร์” ได้อย่างชัดเจน
ตัวเรือน: แบบ “พิคคาดิลลี” ขนาด 46 มม. วัสดุไวท์โกลด์
กระจก: แซฟไฟร์ ; เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งกระจกหน้าปัดและกระจกบนฝาหลัง
หน้าปัด: อีนาเมล สีขาว ; เข็ม: บลูด์สตีล ทรง “ฟาวน์เดชั่น”
กลไก: ไขลาน กำลังสำรอง 72 ชั่วโมง รหัส SM6 ควบคุมการทำงานด้วยตูร์บิยองคู่ จัดวางในแนวตั้ง ; เมนเพลทเคลือบสีดำ
ฟังก์ชั่น: แสดงชั่วโมงกับนาที ; แสดงกำลังสำรอง ; แสดงกลางวัน/กลางคืน
สาย: หนังจระเข้สีดำ ; ตัวล็อคแบบหัวเข็มขัดวัสดุไวท์โกลด์