Phoenix, by SCHWARZ ETIENNE and LES ATELIERS BLANDENIER
SCHWARZ ETIENNE เป็นแบรนด์นาฬิกาแนวอิสระ ที่มีฐานการผลิตตั้งอยู่ในลาโชช์เดอฟองส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยผลิตนาฬิกาที่มีรูปแบบเรียบง่าย พร้อมกลไกที่ซับซ้อนกับจำนวนการผลิตที่ไม่มาก รวมไปถึงแผนกที่เรียกว่า La Division du Temps ซึ่งทำงานสำหรับนาฬิกาชิ้นพิเศษหลากหลายชิ้น
Mauro Egermini CEO of Schwarz Etienne, Peter Speake co-founder of The Naked Watchmaker, Christophe Blandenier founder/owner of Les Ateliers Blandenier.
ส่วน LES ATELIERS BLANDENIER เป็นเวริ์คช็อปนาฬิกาที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีก่อนโดย Christophe Blandenier ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านการแกะสลัก และมีช่างฝีมือสามสิบคนที่เชี่ยวชาญเฉพาะในด้านนี้ โดยส่วนใหญ่จะทำงานทางเทคนิคด้านการแกะสลักด้วยมือ และเทคนิคกรองฟูว์อีนาเมล รวมไปถึงงานด้านการวาดภาพด้วยสีอะคริลิค และการวาดภาพเซรามิค
โดยนาฬิกาเรือนนี้นี้เกิดขึ้นและควบคุมการผลิตโดย Peter Speake แห่ง The Naked Watchmaker เพื่อสร้างชิ้นงานพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะนำกระบวนการผลิตนาฬิกาอันเชี่ยวชาญของ SCHWARZ ETIENNE และทักษะทางเชิงช่างของ LES ATELIERS BLANDENIER มารวมเข้าด้วยกัน
ฐานของหน้าปัดผลิตจากทองคำ 18เค และเคลือบด้วยอีนาเมล โดยมีเอฟเฟคท์การเคลือบสีน้ำเงินสโมคกี้ และสีขาวร่วมกัน เพื่อสร้างความประทับใจกับภาพของท้องฟ้าสีคราม ซึ่งนกฟีนิกซ์สีทองจะถูกแกะสลักด้วยมือ และเชื่อมโยงกับคำพูดรอบๆ หน้าปัดที่ว่า “ความรุ่งโรจน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา ไม่ได้อยู่ที่การไม่เคยล้มเหลว แต่จะเป็นพลังที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ล้มลง” จากคำกล่าวของขงจื้อถึงโลกที่เปลี่ยนแปลงและท้าทายตลอดเวลา โดยมีจุดเด่นที่หน้าปัดย่อยแสดงเวลาวินาที ที่ผลิตจากหินไพไรต์ซึ่งมาจากภาษากรีก "pyr" ที่แปลว่าไฟ
เทคนิคทางศิลปะหลายอย่างที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เมื่อนำมารวมกันจึงส่งผลให้เกิดความพิเศษขึ้น อย่างเช่นความลึกของท้องฟ้าที่เคลือบด้วยสีน้ำเงิน ที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อสร้างแบ็คดร็อปที่ตัดกันสำหรับนกฟีนิกซ์ ที่วางอยู่เหนือแผ่นดิสก์ไพไรต์ของวงแสดงวินาที ทำให้ดูเหมือนลอยอยู่บนท้องฟ้า
นาฬิกาเรือนนี้มีความหนารวมของตัวเรือนที่ 12.13 มิลลิเมตร กับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร ผลิตจากโรสโกลด์ ที่ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์ไขลานของ SCHWARZ ETIENNE คาลิเบอร์ ASE 100.00 ความถี่ 3 เฮริท์ซ (216,000 รอบต่อชั่วโมง) พร้อมความสามารถของพลังสำรองลานนานถึง 86 ชั่วโมง และเลือกใช้ตัวเรือนของ SCHWARZ ETIENNE รุ่น Roma เพื่อให้มีความเรียบง่ายและคลาสสิค ซึ่งจะเน้นความสวยงามของหน้าปัด และการทำงานของกลไกซึ่งจะปรากฏด้านหลังเป็นหลัก
ขั้นตอนที่หนึ่งคือการกำหนดรูปแบบที่จะผลิตหน้าปัด กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนปี 2020 ที่เริ่มต้นการออกแบบและรูปแบบต่างๆ มากมายก่อนที่จะมีการเลือกในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งในระหว่างขั้นตอนนี้ก็มีการเลือกใช้เทคนิคเฉพาะ ที่จะนำมาใช้โดยมีการเพิ่มองค์ประกอบเช่นไพไรต์และข้อความต่างๆ ที่ลงตัวมากขึ้น รวมไปถึงการตัดเอามาร์กเกอร์บนหน้าปัดออก เพื่อเน้นภาพสำคัญบนหน้าปัด รวมทั้งหินไพไรต์ที่ต้องผ่านขั้นตอนสำหรับฐานของแผ่นหินนี้ด้วย
สำหรับแผ่นฐานของหน้าปัดที่ผลิตจากทองคำ 18 เค ต้องใช้ช่างผู้ชำนาญการ เพื่อประเมินค่าความตึงให้มีความเท่ากันบนหน้าปัดทั้งสองด้าน เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ในอนาคต ที่อาจทำให้หน้าปัดเสียรูปทรงและแตกได้ เมื่อผ่านการใช้งานในอุณหภูมิต่างๆ ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีเอฟเฟคท์ของสีท้องฟ้าที่ต้องแต่งด้วยสีกับมือ และเพื่อให้แน่ใจว่าเฉดสีนั้นถูกต้อง ผู้เคลือบจึงต้องทำการทดลองหลายครั้งด้วยผงเคลือบ ก่อนที่จะผ่านความร้อนในเตาอบ หลังจากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการใช้สีอะครีลิคลงบนพื้นผิว เพื่อเพิ่มอายุและเพิ่มเอฟเฟคท์สามมิติ
จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการทำงานกับแผ่นไพไรต์ที่มีความหนา 2.5/10 มิลลิเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 11 มิลลิเมตร โดยมีการทำตัวอย่างก่อน 5 ชุดเพื่อความมั่นใจในการใช้งานจริงบนหน้าปัด จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการยึดตัวนกฟีนิกซ์ลงบนหน้าปัด พร้อมทั้งปรับชุดวงไพไรต์ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
จากโปรเจ็คท์ที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนเมษายน 2020 จนกระทั่งจบสิ้นกระบวนการทั้งหมดในเดือนธันวาคม รวมเวลาทั้งสิ้น 9 เดือนจนเสร็จสมบูรณ์เป็น Phoenix โดยผลิตเป็นนาฬิกาแบบยูนีคพีซซึ่งมีเรือนเดียวในโลก พร้อมราคาจำหน่ายในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ 80,000 สวิสฟรังก์หรือประมาณ 2,676,000 บาท
