La Grande CORNICHE, Bleu Azur dial
La Grande CORNICHE นาฬิการุ่นล่าสุดจาก CORNICHE คือนาฬิกาสปอร์ตสุดหรูหราที่สะท้อน ถึงแก่นแท้ที่มาพร้อมความโดดเด่นด้วยชุดกลไกอัตโนมัติ และผสานด้วยสายสตีลที่นำเสนอในดีไซน์อันงดงาม พร้อมด้วยงานตกแต่งเหนือระดับเหนือ ที่เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว ระหว่างความสปอร์ตและความสง่างาม จากการออกแบบอย่างพิถีพิถันตั้งแต่จุดเริ่มต้น สู่นาฬิการุ่นที่ดีที่สุดของแบรนด์ทั้งจากภายในและภายนอก ที่นำเสนอทุกภาพลักษณ์ของแบรนด์สู่ผู้คนทั่วโลก

และเช่นเดียวกันกับนาฬิกาทุกรุ่นของแบรนด์ “LGC” จะโดดเด่นด้วยวัสดุสสตีลชนิด 316L ทั้งผ่านการขัดเงาและขัดลวดลาย เพื่อเป็นการผสมผสานกันที่ลงตัว ระหว่างความเป็นนาฬิกาสปอร์ตและความสง่างามหรูหราบนข้อมือ ส่วนหน้าปัดในนาฬิการุ่นล่าสุดนี้ยังคงเป็นหน้าปัด ที่ผลิตจากวัสดุเซรามิคที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน ในการพัฒนาและผลิตต้นแบบเพื่อการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน จนกระทั่งได้รูปแบบและสีสันที่สวยงาม แต่แฝงไว้ด้วยความหรูหราเสมอ อันเป็นจุดตัดของภาพลักษณ์สำคัญ

ระหว่างความเป็นนาฬิกาสปอร์ตและนาฬิกาแบบหรูหรา ซึ่งบรรยากาศความเป็นนาฬิกาสปอร์ตที่ผสานรวม เป็นหนึ่งเดียวในนาฬิกาเรือนนี้นั้น จะมาจากเส้นโค้งที่พลิ้วไหวพร้อมมุมที่เฉียบคม แต่ยังคงนำเสนอในภาพความสง่างามได้อย่างคงเส้นคงวา โดยนาฬิการุ่น LGC นี้ถือเป็นการตีความใหม่จากนาฬิกาสปอร์ตสุดหรูในยุค GENTA ช่วงปี 1970 ที่ยังคงความรุ่งโรจน์อยู่จนถึงปัจจุบัน และยังคงความโดดเด่นได้ด้วยตัวเรือนในขนาด 39 มิลลิเมตรที่กำลังพอดีกับทุกขนาดข้อมือและเพื่อทุกคน

พร้อมการทำงานของชุดกลไกอัตโนมัติคุณภาพสูงจาก SEIKO คาลิเบอร์ NH35A ที่ CORNICHE ใช้เวลากว่าสองปีในการทดสอบ ชุดกลไกในหลากหลายรูปแบบ พร้อมกับท้าทายตัวเองในการออกแบบ ตัวเรือนที่สามารถใช้งานได้อย่างพอดี กับชุดกลไกตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือการผสมผสานระหว่างกลไก SEIKO คาลิเบอร์ NH35A ที่ดีที่สุดร่วมกับความก้าวหน้า อย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านวัสดุ และเทคนิคการตกแต่งชุดกลไกคาลิเบอร์ NH35A นี้ขึ้นใหม่ซึ่งประกอบด้วยทับทิม 24 เม็ด

ที่ทำงานในความถี่ 21,600 รอบต่อชั่วโมง และยังมาพร้อมกับชุดเมจิคลีเวอร์ (Magic Lever) ที่เพียงแค่เขย่านาฬิกาไปมา ชุดกลไกของนาฬิกาก็จะเริ่มทำงานในทันที โดยนอกจากนี้ยังมีระบบกันกระแทกแบบไดอะช็อค (Diashock) เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในตลอดทั้งวัน ส่วนภายนอกของตัวนาฬิกา จะยังจะพบกับรายละเอียดทั้งหมดมากมาย ที่ต้องลองมองดูในระดับใกล้ๆ อย่างเช่นจุดเด่นเช่นเดียวกันกับนาฬิกาในซีรี่ส์Heritage ทั้งขาตัวเรือนที่โค้งมนสวยงาม
และขอบตัวเรือนที่ผ่านการขัดเงาอย่างมีรสนิยม เพื่อเพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมสายสตีลแบบผสานเข้ากับตัวเรือนที่ใหม่หมดจด สร้างสรรค์การเล่นแสงอันน่าอัศจรรย์เพิ่มเติม ด้วยข้อต่อชิ้นกลางที่ผ่านการขัดเงาและมีความโค้งเล็กน้อย ซึ่งนอกจากรูปลักษณ์ทั้งหมดที่สวยงามแล้ว ก็จะยังสามารถสวมใส่ได้อย่างสะดวกสบายอย่างยิ่ง พร้อมจุดเด่นสุดของหน้าปัดนาฬิกาที่ผลิตจากวัสดุเซรามิค อันมีความงดงามซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงดีเอ็นเอของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่มาร์กเกอร์แบบเหลี่ยมเพชร

ที่ประกอบติดกับหน้าปัดด้วยมือ ผสานกลิ่นอายความหรูหราแบบอาร์ทเดโคอย่างลงตัว แสดงค่าเวลาด้วยเข็มแบบอัลฟ่า ที่ยังคงเป็นแบบดั้งเดิมซึ่งแฝงไว้ด้วยความขี้เล่น สอดคล้องกับการเล่นแสงของมาร์เกอร์ กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์คุณภาพสูง ที่ผ่านการเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน พร้อมกับการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือที่พื้นผิดวด้านนอก ในราคาจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ 695 เหรียญ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่มีระดับราคา และความคุ้มค่าที่เหมาะสมที่สุดหนึ่งเรือนในตลาดปัจจุบัน



