AUDEMARS PIGUET Code 11.59 Tourbillon Openworked
AUDEMARS PIGUET กับนาฬิกาคอลเลคชั่น Code 11.59 Tourbillon Openoworked ในขนาดตัวเรือนที่ 41 มิลลิเมตร พร้อมความโดดเด่นด้วยกลไกแบบโอเพ่นเวิร์ค ที่ถูกสร้างสรรค์ในโทนสีเทาหลากหลายเฉด กับตัวเรือนสไตล์ทูโทนระหว่างไวท์โกลด์และพิ๊งค์โกลด์ ซึ่งการใช้ทองต่างเฉดสีจะช่วยเพิ่มความโดดเด่น ให้กับมิดเดิ้ลเคสที่มีเหลี่ยมมุมเรขาคณิต เพื่อถ่ายทอดความคอนทราสต์แต่ลงตัวได้เป็นอย่างดี ด้วยตัวเรือนสไตล์ทูโทนที่นำเสนอโครงสร้างที่ซับซ้อน ขอบตัวเรือนยังถูกออกแบบให้มีความบางเป็นพิเศษ มาพร้อมขานาฬิกาและฝาด้านหลังทรงกลม ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากไวท์โกลด์ คอนทราสต์กับมิดเดิ้ลเคสพิ๊งค์โกลด์ โดยส่วนประกอบแต่ละชิ้นได้รับการขัดเก็บรายละเอียด ไปจนถึงส่วนที่เล็กที่สุดด้วยเทคนิคการขัดลายซาตินและการขัดเหลี่ยมมุม ซึ่งเป็นเทคนิคที่รังสรรค์ได้ด้วยมือเท่านั้น
ซึ่งตัวเรือนสไตล์ทูโทนเป็นโมเดลที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนักในนาฬิกาของ AUDEMARS PIGUET แต่ก็ถือเป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ จากนาฬิกาแบบกลไกซับซ้อนจำนวนรวมกว่า 550 โมเดลที่ผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ช่วงปี 1882 ถึง 1969 จะมีเพียง 8 เรือนเท่านั้นที่ใช้ทอง 2 ประเภทในการผลิต และการใช้ไวท์โกลด์คู่กับพิ๊งค์โกลด์นั้นยิ่งเป็นสิ่งที่พบได้ยากยิ่ง โดยมีนาฬิกาเพียงเรือนเดียวเท่านั้น ที่ใช้ส่วนผสมนี้จากบันทึกของ AUDEMARS PIGUET ในช่วงก่อนปี 1978 ซึ่งถึงแม้การจับคู่ระหว่างไวท์โกลด์และพิ๊งค์โกลด์ จะแพร่หลายมากขึ้นในหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือเป็นสิ่งที่หาได้ยาก และแสดงถึงความพิถีพิถันในการออกแบบนาฬิกาได้เป็นอย่างดี จากคอมบิเนชั่นของสีสันที่จะต้องแมทช์กันให้ลงตัวและทำให้เกิดความสมดุลให้ได้มากที่สุด
ทำงานด้วยกลไกตูร์บิยองอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 2948 ซึ่งเป็นกลไกตูร์บิยองแบบโอเพ่นเวิร์คในหลายเลเยอร์ ที่ผ่านการฉลุด้วยมือช่างผู้ชำนาญการ โดยแผ่นชิ้นส่วนของส่วนโอเพ่นเวิร์คและบริดจ์สีเทา จะยิ่งดูโดดเด่นเมื่ออยู่กับชุดบาลานซ์วีล โดยวัสดุพิ๊งค์โกลด์รวมไปจนถึงชุดบาร์เรลและชุดเฟืองสีเทาอ่อน ซึ่งชิ้นส่วนหลักและบริดจ์ที่สามารถมองเห็นได้จากทั้งสองด้านของนาฬิกา จะถูกตกแต่งด้วยการขัดลายซาตินแนวตั้งเพื่อเพิ่มความน่าค้นหา ส่วนบาร์เรลและวีลชิ้นอื่นๆ จะถูกขัดตกแต่งด้วยลายซาตินแบบวงกลมใน 70 เหลี่ยมมุม ที่ต้องผ่านการขัดด้วยมือเพื่อตอกย้ำ ถึงความพิถีพิถันในการรังสรรค์กลไกที่มีขนาดเพียง 3.65 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นการยกระดับการสร้างสรรค์ งานกลไกแบบโอเพ่นเวิร์คให้สูงขึ้นอีกขั้น โดยการตกแต่งด้วยสามเฉดสีนี้ยังช่วยเพิ่มมิติโดยรวมให้กับนาฬิกาอีกด้วย
ขอบตัวเรือนด้านในสีเทาผ่านการเคลือบแลคเกอร์ ช่วยเสริมความโดดเด่นของกลไกโอเพ่นเวิร์คและรับกันได้ดีกับขอบตัวเรือนที่บางเป็นพิเศษ โดยเข็มนาฬิกาพิ๊งค์โกลด์ ยังช่วยเติมสีสันให้กับบาลานซ์วีลและมิดเดิ้ลเคสไปพร้อมกัน โดยมีกระจกแซฟไฟร์ทรงโค้ง 2 ชั้นอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ถูกเชื่อมต่อกับขอบตัวเรือนทรงโค้งที่บางเป็นพิเศษ ทำให้ดีไซน์ดูร่วมสมัยยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสร้างมิติและน่าดึงดูดเมื่อกระทบกับแสง และช่วยขับเน้นกลไกแบบโอเพ่นเวิร์คอันประณีตให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น มาพร้อมสายนาฬิกาเคลือบยางสีเทา เพิ่มรายละเอียดด้วยเท็กซ์เจอร์ บนสายนาฬิกาเพื่อความทันสมัย โดยมีวัสดุภายในเป็นหนังลูกวัว ซึ่งสายนาฬิกาจะถูกเชื่อมต่อโดยตรงกับขาตัวเรือน ที่เชื่อมต่อกับขอบตัวเรือนแบบบางพิเศษได้อย่างลงตัว ยิ่งถ่ายทอดให้เห็นเทคนิคการรังสรรค์ชิ้นงานด้วยมือ ที่ประณีตและเน้นให้ตัวเรือนสไตล์ทูโทนตัดกันดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
“โครงสร้างของนาฬิกาแบบกลไกโอเพ่นเวิร์คที่มีความซับซ้อนนี้ ทั้งตัวเรือนและกลไกจะสามารถเชื่อมต่อกัน ได้อย่างไร้รอยต่อจนกลมกลืนราวกับเป็นหนึ่งเดียว โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ของนาฬิกาแบบยูนีคพีซสำหรับงาน ONLY WATCH ในปี 2019 ที่มีความโดดเด่นด้วยกลไกแบบโอเพ่นเวิร์คในโทนสีเทาหลากหลายเฉด ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเรือนไวท์โกลด์และมิดเดิ้ลเคสพิ๊งค์โกลด์ทรงแปดเหลี่ยม ซึ่งทุกรายละเอียดในการสร้างสรรค์นาฬิกาเรือนนี้ จะสะท้อนถึงประสิทธิภาพของการทำงานด้วยมือ และงานดีไซน์ที่มีความร่วมสมัย ที่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อช่างนาฬิกา ช่างฝีมือ ช่างเทคนิค วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของเราทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาเรือนพิเศษที่สุดดังที่ลูกค้าของเราคาดหวัง” Michael Friedman ผู้อำนวยการฝ่ายคอมพลิเคชั่นของ AUDEMARS PIGUET กล่าว