AUDEMARS PIGUET, The Royal Oak in Platinum
นาฬิกา AUDEMARS PIGUET รุ่น Royal Oak ที่ผลิตจากวัสดุแพลตินัมมีการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในช่วงปี 1980 หลังจากเปิดตัวเรือนเวลาที่ผลิตจากเยลโล่วโกลด์และไวท์โกลด์ และยังถือเป็นนาฬิการุ่น Royal Oak “Jumbo” ที่ผลิตขึ้นในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นเรือนแรกอีกด้วย
นาฬิกาที่ผลิตจากแพลตินัมนี้เปิดตัวในปี 1992 เพื่อฉลองวาระครบรอบ 20 ปีของคอลเลคชั่นนี้ พร้อมทั้งการก่อตั้ง Royal Oak Foundation และเปิดตัวนาฬิการุ่น Royal Oak Foundation ในขนาดตัวเรือน 39 มิลลิเมตร (Ref. 14811) ที่เป็นนาฬิกาสำหรับการประมูลเพื่อสนับสนุนงานของมูลนิธิ โดยนาฬิการุ่นนี้มาพร้อมหน้าปัดสลักรูปต้นโอ๊คทองคำที่รังสรรค์ ที่สะท้อนถึงเป้าหมายของมูลนิธิที่ต้องการอนุรักษ์ป่าไม้ทั่วโลก หลังจากนั้นจึงได้มีการนำเสนอนาฬิกาที่ผลิตจากวัสดุแพลทตินัม ในรุ่นที่ผลิตในแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นอีกหลายเรือน อาทิ Royal Oak Jubilee ในขนาดตัวเรือน 39 มิลลิเมตร (Ref. 14802) ในปี 1995 ที่ผลิตขึ้นเพียง 20 เรือน
โดยซีรี่ส์นาฬิกาที่ผลิตจากวัสดุแพลทตินัมเรือนพิเศษ แม้จะมีจำนวนการผลิตไม่มากแต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ AUDERMARS PIGUET ได้นำเสนองานการออกแบบได้อย่างหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะดีไซน์ของหน้าปัดที่ยังคงเห็นได้จากนาฬิการุ่น Royal OAK “Jumbo” Extra-Thin รุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2022 นี้ โดยตัวเรือนแพลตินัมถือเป็นนาฬิกาในขนาดตัวเรือน 39 มิลลิเมตรที่หาได้ยากเรือนหนึ่งจากจำนวนการผลิตที่จำกัดเสมอ จากการที่ AUDERMARS PIGUET ตั้งใจรังสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุพิเศษที่มีบทบาทสำคัญในคอลเลกชั่นหลักของนาฬิการุ่น Royal Oak เสมอมา
นาฬิการุ่น Royal Oak เปิดตัวขึ้นในปี 1972 จากการออกแบบของ Mr. Gérald Genta เพื่อให้ AUDEMARS PIGUET ได้พลิกขนบธรรมเนียมความสวยงามที่มีอยู่เดิมไปอย่างสิ้นเชิง กับตัวเรือนขนาดใหญ่ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยมือจากวัสดุสตีล พร้อมขอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมที่ถูกยึดด้วยสกรูว์หกเหลี่ยม พร้อมสายที่ผลิตจากสตีลเข้ากัน พร้อมกลไกอัตโนมัติที่มีขนาดบางเป็นพิเศษ ทั้งหมดนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในการรังสรรค์เครื่องบอกเวลาชั้นสูง ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงปี 70s ที่ AUDEMARS PIGUET มองไปยังอนาคตและเห็นได้ถึงสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปนี้
นาฬิกาไฮเอนด์สปอร์ตเรือนที่เปิดตัวถูกเรียกด้วยชื่อเล่นในภายหลังว่า “Jumbo” จากขนาดที่ใหญ่ 39 มิลลิเมตรซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ใหญ่กว่ามาตรฐานของนาฬิกาในสมัยนั้น และAUDEMARS PIGUET ก็ยังคงใช้ชื่อเล่นนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำหรับนาฬิการุ่นกลไกอัตโนมัติแบบเอ็กซ์ตร้า-ธินในขนาดตัวเรือน 39 มิลลิเมตร ซึ่งแท้จริงแล้วขนาดที่ใหญ่นั้นไม่ได้เกิดจากเพียงดีไซน์เท่านั้น แต่ยังเป็นผลลัพธ์ของฟังก์ชันการรวมตัวของกลไกคาลิเบอร์ 2121 ที่มีขนาดถึง 28 มิลลิเมตร กับโครงสร้างตัวเรือนแบบโมโนค็อคหรือแบบสองส่วน จึงทำให้การติดตั้งสกรูว์รูปหกเหลี่ยม 8 ชิ้นต้องเจาะผ่านขอบตัวเรือน ซีล และขอบรอบชุดกลไก
ในช่วง 20 ปีแรกของการสร้างสรรค์นาฬิการุ่น Royal Oak มีการนำเสนอนาฬิกาในกลไกอัตโนมัติแบบเอ็กซ์ตร้า-ธิน ในขนาด 39 มิลลิเมตร เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น และเรือนตัวอย่างส่วนใหญ่ก็ถูกจำหน่ายออกไปตั้งแต่ก่อนปี 1982 จนกระทั่งถูกนำกลับมาเริ่มต้นผลิตอีกครั้งในปี 1992 เพื่อฉลองวาระครบรอบ 20 ปีของ Royal Oak ต่อจากนั้นจึงมีการนำเสนอนาฬิกาในแบบ “Jumbo” อีกหลากหลายรุ่นที่ผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีหลังจากนั้น โดยนำเสนอความหลากหลายทั้งในเรื่องของวัสดุตัวเรือนและสาย รวมไปถึงรายละเอียดของการออกแบบหน้าปัด
การเปิดตัวนาฬิกาใน Ref. 15202 ในปี 2000 จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ของนาฬิกาแบบ “Jumbo” ทันที่ที่เริ่มเข้าสู่สหัสวรรษที่ 3 เพราะโมเดลนี้ประยุกต์เอกลักษณ์ดั้งเดิมและตีความใหม่ได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉดสีของหน้าปัด รวมถึงการกลับมาใช้ฝาหลังแบบแซฟไฟร์ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 1992 การผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ดั้งเดิมเข้ากับความทันสมัย ทำให้นาฬิกาแบบ “Jumbo” ในเวอร์ชั่นนี้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และกลายเป็นหนึ่งในนาฬิการุ่น Royal Oak ที่เป็นที่ต้องการที่สุด ทั้งยังช่วยเพิ่มคุณค่าของนาฬิการุ่น Royal Oak ให้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางวัฒนธรรมไปอีกด้วย
สำหรับปีนี้นาฬิกาแบบ “Jumbo” (Ref. 16202) ยังมาพร้อมวิวัฒนาการอีกระดับ ด้วยการเปิดตัวนาฬิกา 4 โมเดลใหม่ที่นำเสนอความหลายหลายของวัสดุและสีของหน้าปัด เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของนวัตกรรมและดีไซน์ของนาฬิการุ่น Royal Oak แม้ว่าว่าดีไซน์จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากเมื่อเทียบกับนาฬิกาในแบบเดิม (Ref. 15202) แต่นาฬิกาเรือนนี้ก็ได้สร้างหน้าประวัติศาสตร์บทใหม่สำหรับนาฬิการุ่น Royal Oak “Jumbo” Extra-Thain ด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติเอ็กซ์ตร้า-ธินรุ่นใหม่ ที่เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยในยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว