AUDEMARS PIGUET Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin, Ref. 16202, Part II

AUDEMARS PIGUET ฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของนาฬิกาคอลเลคชั่น Royal Oak ด้วยการเผยโฉมเจเนอเรชันใหม่สุดร่วมสมัยของ Royal Oak นั่นก็คือ “Jumbo” Extra-Thin โดยมีตัวเรือนและสายแบบพิ๊งค์โกลด์และเยลโลวโกลด์ ซึ่งเป็นโทนสีสุดพิถีพิถันที่มอบความคอนทราสต์อันลงตัว พร้อมหน้าปัดลายเปอตีต์ ทาพิสเซอรี เฉดสีสโมคแบบใหม่ โดยในรุ่นแบบพิ๊งค์โกลด์จะโดดเด่นด้วยเฉดสีเทาสโมคเกรย์ (Smoked grey) ในขณะที่รุ่นแบบเยลโลวโกลด์จะมากับหน้าปัดดโทนสีทองสโมค ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีกัลวานิคบาธ และเพิ่มสโมคเอฟเฟ็คท์ ด้วยการพ่นสารเคลือบสีอย่างพิถีพิถันลงบนบริเวณขอบรอบนอกของหน้าปัด อีกทั้งลายทาพิสเซอรียังส่องประกายด้วยเอฟเฟกต์มัวเร (Moiré) ซึ่งลวดลายเปอตีต์ทาพิสเซอรีเกิดจากกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน โดยอาศัยทักษะความรู้ที่ในปัจจุบันไม่มีการสอนในโรงเรียนสอนช่างผลิตนาฬิกาอีกต่อไปแล้ว

 

RO 16202OR OO 1240OR 01 closeup GP01 JPEG

 

ซึ่งวิธีการรังสรรค์จะเริ่มจากการสร้างพีระมิดยอดตัดฐานสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก จำนวนหลายร้อยชิ้นด้วยการสลักลงบนแผ่นโลหะ ผ่านเครื่องการแกะลายกิโยเช่แบบดั้งเดิมที่จะสร้างรอยลึกของรูปทรงพีระมิดซ้ำๆ จนเกิดเป็นลายสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดหลายหมื่นชิ้นอย่างไร้รอยต่อ โดยลวดลายเปอตีต์ทาพิสเซอรีของนาฬิกา Royal Oak รุ่นดั้งเดิมถูกรังสรรค์ขึ้นครั้งแรกและผลิตโดย STERN FRÈRES ผู้ผลิตหน้าปัดจากเมืองเจนีวาซึ่งปิดกิจการไปในปี 2016 ดั้งนั้น AUDEMARS PIGUET จึงมีการจัดซื้อเครื่องแกะลายกิโยเช่แบบเก่า และเริ่มพัฒนางานฝีมือรวมทั้งเทคนิคต่างๆ ด้วยตนเอง โดยในปี 2010 หน้าปัดเปอตีต์ทาพิสเซอรีแบบอินเฮาส์ชิ้นแรก ถูกผลิตจากเวิร์กช็อปของ AUDEMARS PIGUET ซึ่งผลิตหน้าปัดนี้โดยเฉพาะ และหน้าปัดดีไซน์กิโยเช่ของนาฬิการุ่น “Jumbo” ทุกเรือนก็ผลิตขึ้นภายในเวิร์กช็อปแห่งนี้จวบจนถึงปัจจุบัน

 

RO 16202BA OO 1240BA 01 closeup GPS104 JPEG

 

นาฬิกาใหม่ทั้ง 2 โมเดลนี้มาพร้อมมาร์กเกอร์ชั่วโมงในเฉดสีทอง เช่นเดียวกับเข็มนาฬิกาและตราสัญลักษณ์ AP ตามรูปแบบดั้งเดิมของนาฬิการุ่นนี้ อีกทั้งยังมีฝาหลังที่กรุกระจกแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็นโรเตอร์พิ๊งค์โกลด์ ที่ออกแบบมาพิเศษในวาระครบรอบ 50 ปีนาฬิกา Royal Oak ที่ผลิตด้วยทองคำทั้งเรือนที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1977 ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี Ref. 8638 ที่ผลิตขึ้นตามความต้องการของตลาดในยุคนั้น และในอีกไม่กี่เดือนต่อมาก็มีการเปิดตัว Royal Oak “Jumbo” Ref. 5402BA และนาฬิกา Royal Oak ในขนาด 35 มิลลิเมตรที่ได้ชื่อเล่นว่า “Royal Oak III” Ref. 4100BA ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุเยลโลวโกลด์เช่นกัน ทั้งนี้วัสดุพิ๊งค์โกลด์ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในคอลเลคชั่น Royal Oak ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นวัสดุที่พบเห็นได้น้อยในช่วงนั้น และเริ่มใช้ในรุ่น “Jumbo” ในปี 2006 กับ Ref. 15202

 

RO 16202OR OO 1240OR 01 backcase GPS140 JPEG

 

นอกจากนี้ในปีนี้ยังนำเสนอในแบบวัสดุแพลทตินัม ที่มาพร้อมความเอ็กซ์คลูซีฟที่จะสงวนไว้เพื่อการวางจำหน่ายเฉพาะที่ AP House เท่านั้น ด้วยความสง่างามของตัวเรือนและสายที่ผลิตจากแพลทตินัม ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยมือ และพิเศษยิ่งขึ้นด้วยหน้าปัดสีเขียวสโมคกรีนที่มีการไล่เฉดสีแบบซันเบิร์สท์ (Sunburst) ซึ่งโทนสีของหน้าปัดและตัวเรือนแบบนี้ถูกนำเสนอไปเมื่อปีที่แล้ว และได้รับรางวัลนาฬิกาไอคอนิคจากงาน Grand Prix d'Horlogerie ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา โดยเฉดสีเขียวที่สดใสนี้เกิดจากการเพิ่มหยดสีเขียวลงในสารเคลือบหน้าปัด และเอฟเฟ็คท์สโมคบริเวณขอบหน้าปัดยังช่วยขับเน้นความโดดเด่นของสีเขียว พร้อมมอบมิติให้กับหน้าปัดนาฬิกามากยิ่งขึ้น โดยมีมาร์กเกอร์แสดงชั่วโมง สัญลักษณ์ตรา AP และเข็มนาฬิกาที่ผลิตขึ้นจากไวท์โกลด์ และโรเตอร์ไวท์โกลด์แกะตราสัญลักษณ์ 50 ปีเช่นเดียวกัน

 

RO 16202PT OO 1240PT 01 closeup GP02 JPEG

 

RO 16202ST OO 1240ST 01 backcase GPS113 JPEG