AUDEMARS PIGUET Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin, Ref. 16202, Part I

 

AUDEMARS PIGUET ฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของนาฬิกาคอลเลคชั่น Royal Oak ด้วยการเผยโฉมเจเนอเรชันใหม่สุดร่วมสมัยของ Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin ในตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตรภายใต้ Ref. ใหม่รหัส 16202 ที่ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติใหม่ล่าสุดคาลิเบอร์ 7121 โดยในคอลเลคชั่นนี้จะนำเสนอใน 4 แบบที่รังสรรค์ด้วยวัสดุที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้คอลเลคชั่น Royal Oak กลายเป็นนาฬิกา

 

Screen Shot 2565 01 28 at 00.27.41

 

ไอคอนิคในปัจจุบัน ตั้งแต่วัสดุสตีล, แพลทตินัม, พิ๊งค์โกลด์ และเยลโลวโกลด์ โดยเรือนเวลาทั้ง 4 นี้จะมาพร้อมโรเตอร์แบบ “50 years” ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับวาระครบรอบ 50 ปีในเฉดสีที่แมตช์กับตัวเรือนในแต่ละโมเดล โดย AUDEMARS PIGUET ใส่ความพิถีพิถันในดีไซน์ทั้งวัสดุ สีสัน และรายละเอียดบนหน้าปัดนาฬิกา เพื่อเป็นการฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของนวัตกรรมการออกแบบนาฬิการุ่น Royal Oak

 

RO 16202OR OO 1240OR 01 closeup GP16 JPEG

 

และคาลิเบอร์ 7121 ก็เป็นอีกหนึ่งในความร่วมสมัยที่ต้องถูกบันทึกไว้ประวัติศาสตร์ของนาฬิกา Royal Oak ตามการเปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1972 ที่นาฬิการุ่น Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin ได้นำเสนอกลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์ที่แสดงเวลาชั่วโมง นาที และวันที่ พร้อมกลไกใหม่ล่าสุดอย่างคาลิเบอร์ 7121 ในนาฬิกา Ref. 16202 ที่จะมาทดแทนคาลิเบอร์ 2121 ที่นับเป็นกลไกที่มีขนาดบางที่สุดระดับ 3.05 มิลลิเมตร ซึ่งสิ้นสุดการผลิตไปเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา โดยคาลิเบอร์ 7121 ก็มีความหนาเพียง 3.2 มิลลิเมตร โดยถูกพัฒนาและรังสรรค์ขึ้นจากวิศวกรและช่างผลิตนาฬิกาของ AUDEMARS PIGUET เพื่อให้มีขนาดพอดีกับตัวเรือนนาฬิกาที่มีความหนา 8.1 มิลลิเมตร โดยไม่มีผลกระทบต่อความสวยงามและความหนาของตัวเรือน อีกทั้งยังมีการเพิ่มระบบการเซ็ทวันที่ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

RO 16202BA OO 1240BA 01 closeup GP13 JPEG

 

หลังจากใช้เวลาพัฒนาถึง 5 ปี กลไกคาลิเบอร์ 7121 มาพร้อมพลังสำรองลานที่มากกว่าเดิมด้วยตลับลานที่ใหญ่ขึ้น และยังทำให้แสดงเวลาได้อย่างแม่นยำในช่วงเวลาที่ยาวนานยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมโรเตอร์ดีไซน์ร่วมสมัยบนแกนที่ผนึกกับตลับบอลแบร์ริ่ง ที่ใช้รีเวิร์สเซอร์สองชุดที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้โรเตอร์สามารถขึ้นลานได้ทั้งสองทิศทาง มาพร้อมกับชุดเซ็ทวันที่ซึ่งใช้พลังงานต่ำและมีความบางเป็นพิเศษ ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเฉพาะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการขัดแต่งตามแบบนาฬิกาชั้นสูงทั้งลายวงโกตส์เดอเฌอแนฟ, เทคนิคเทรตส์ทิเรส์ (Traits tirés)  และเทคนิคการขัดแต่งแบบเซอร์คิวลาร์เกรนนิ่ง โดยสามารถชมรายละเอียดทั้งหมดได้ผ่านทางฝาหลังที่กรุกระจกแซฟไฟร์ โดยเฉพาะชุดโรเตอร์แบบพิเศษสำหรับการฉลองครบรอบ 50 ปีของนาฬิการุ่น Royal Oak ที่ผลิตจากทองคำพร้อมตราสัญลักษณ์ 50-Years

 

RO 16202PT OO 1240PT 01 closeup GP02 JPEG

 

อีกจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ คือการคงไว้ซึ่งดีไซน์ออริจินอลของตัวเรือนสตีลจากปี 1972 พร้อมการขัดลายซาตินและการขัดเหลี่ยมมุมด้วยมือ โดดเด่นด้วยหน้าปัดลายเปอตีต์ทาพิสเซอรี (Petite Tapisserie) อันเป็นเอกลักษณ์ในเฉดสีน้ำเงินเข้ม (Bleu Nuit, Nuage 50) หรือ Night blue, Cloud 50 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย STERN FRÈRES ผู้ผลิตหน้าปัดที่มีชื่อเสียงในเจนีวา โดยเฉดสีน้ำเงินนั้นเกิดจากเทคนิคกัลวานิคบาธ (Galvanic bath) ที่ต้องให้ความสำคัญกับส่วนผสมของน้ำยา รวมถึงระยะเวลาและอุณหภูมิที่พอดี ซึ่งหากนำหน้าปัดออกจากน้ำยาเร็วเกินไปเฉดจะออกเป็นสีม่วง และหากช้าเกินไปก็จะกลายเป็นสีดำ หลังจากนั้นจึงเคลือบด้วยสารที่ผสมกับสีดำเล็กน้อย (สี n° 50) โดยคำว่า “Nuage” มากจากเอฟเฟ็คท์ที่คล้ายเมฆสีดำที่หยดลงไปในสารเคลือบนี้นั่นเอง

 

Screen Shot 2565 01 28 at 00.27.49

 

ในปัจจุบันสี Bleu Nuit, Nuage 50 ถูกผลิตโดยการเคลือบแบบพีวีดี เพื่อให้ได้สีที่เป็นเนื้อเดียวกันทั้งคอลเลคชั่น และเช่นเดียวกับนาฬิกา Royal Oak รุ่นดั้งเดิมในปี 1972 นาฬิกาคอลเลคชั่นนี้ใช้เครื่องหมายแสดงเวลาชั่วโมงและเข็มนาฬิการูปทรงเบญนัวร์ (Baignoire) หรือทรงวงรีแบบอ่างอาบน้ำตามแบบดั้งเดิม ซึ่งช่วยให้วัสดุเรืองแสงที่เคลือบไว้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และใช้อักษรย่อ AP ที่ผลิตจากชิ้นทองคำขัดเงา จัดวางไว้เหนือตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนคำว่า “AUDEMARS PIGUET AUTOMATIC” จะถูกวางอยู่ที่ใต้ตำแหน่ง 12 นาฬิกา อีกทั้งยังมีสัญลักษณ์ "SWISS MADE" ซึ่งเข้ามาแทนที่คำว่า "SWISS" แบบเดิม โดยแยกคำว่า SWISS และ MADE ไว้คนละด้านของเครื่องหมายแสดงเวลาชั่วโมง พร้อมความแตกต่างที่สุดจากรุ่นออริจินัล จะอยู่ที่ฝาหลังกรุกระจกแซฟไฟร์ที่ทำให้เห็นโรเตอร์และสัญลักษณ์ 50-Years ได้อย่างแตกต่าง

 

RO 16202ST OO 1240ST 01 closeup GPS104 JPEG