AUDEMARS PIGUET Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin, Ref. 16202, Part I
AUDEMARS PIGUET ฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของนาฬิกาคอลเลคชั่น Royal Oak ด้วยการเผยโฉมเจเนอเรชันใหม่สุดร่วมสมัยของ Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin ในตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตรภายใต้ Ref. ใหม่รหัส 16202 ที่ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติใหม่ล่าสุดคาลิเบอร์ 7121 โดยในคอลเลคชั่นนี้จะนำเสนอใน 4 แบบที่รังสรรค์ด้วยวัสดุที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้คอลเลคชั่น Royal Oak กลายเป็นนาฬิกา
ไอคอนิคในปัจจุบัน ตั้งแต่วัสดุสตีล, แพลทตินัม, พิ๊งค์โกลด์ และเยลโลวโกลด์ โดยเรือนเวลาทั้ง 4 นี้จะมาพร้อมโรเตอร์แบบ “50 years” ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับวาระครบรอบ 50 ปีในเฉดสีที่แมตช์กับตัวเรือนในแต่ละโมเดล โดย AUDEMARS PIGUET ใส่ความพิถีพิถันในดีไซน์ทั้งวัสดุ สีสัน และรายละเอียดบนหน้าปัดนาฬิกา เพื่อเป็นการฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของนวัตกรรมการออกแบบนาฬิการุ่น Royal Oak
และคาลิเบอร์ 7121 ก็เป็นอีกหนึ่งในความร่วมสมัยที่ต้องถูกบันทึกไว้ประวัติศาสตร์ของนาฬิกา Royal Oak ตามการเปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1972 ที่นาฬิการุ่น Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin ได้นำเสนอกลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์ที่แสดงเวลาชั่วโมง นาที และวันที่ พร้อมกลไกใหม่ล่าสุดอย่างคาลิเบอร์ 7121 ในนาฬิกา Ref. 16202 ที่จะมาทดแทนคาลิเบอร์ 2121 ที่นับเป็นกลไกที่มีขนาดบางที่สุดระดับ 3.05 มิลลิเมตร ซึ่งสิ้นสุดการผลิตไปเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา โดยคาลิเบอร์ 7121 ก็มีความหนาเพียง 3.2 มิลลิเมตร โดยถูกพัฒนาและรังสรรค์ขึ้นจากวิศวกรและช่างผลิตนาฬิกาของ AUDEMARS PIGUET เพื่อให้มีขนาดพอดีกับตัวเรือนนาฬิกาที่มีความหนา 8.1 มิลลิเมตร โดยไม่มีผลกระทบต่อความสวยงามและความหนาของตัวเรือน อีกทั้งยังมีการเพิ่มระบบการเซ็ทวันที่ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย
หลังจากใช้เวลาพัฒนาถึง 5 ปี กลไกคาลิเบอร์ 7121 มาพร้อมพลังสำรองลานที่มากกว่าเดิมด้วยตลับลานที่ใหญ่ขึ้น และยังทำให้แสดงเวลาได้อย่างแม่นยำในช่วงเวลาที่ยาวนานยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมโรเตอร์ดีไซน์ร่วมสมัยบนแกนที่ผนึกกับตลับบอลแบร์ริ่ง ที่ใช้รีเวิร์สเซอร์สองชุดที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้โรเตอร์สามารถขึ้นลานได้ทั้งสองทิศทาง มาพร้อมกับชุดเซ็ทวันที่ซึ่งใช้พลังงานต่ำและมีความบางเป็นพิเศษ ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเฉพาะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการขัดแต่งตามแบบนาฬิกาชั้นสูงทั้งลายวงโกตส์เดอเฌอแนฟ, เทคนิคเทรตส์ทิเรส์ (Traits tirés) และเทคนิคการขัดแต่งแบบเซอร์คิวลาร์เกรนนิ่ง โดยสามารถชมรายละเอียดทั้งหมดได้ผ่านทางฝาหลังที่กรุกระจกแซฟไฟร์ โดยเฉพาะชุดโรเตอร์แบบพิเศษสำหรับการฉลองครบรอบ 50 ปีของนาฬิการุ่น Royal Oak ที่ผลิตจากทองคำพร้อมตราสัญลักษณ์ 50-Years
อีกจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ คือการคงไว้ซึ่งดีไซน์ออริจินอลของตัวเรือนสตีลจากปี 1972 พร้อมการขัดลายซาตินและการขัดเหลี่ยมมุมด้วยมือ โดดเด่นด้วยหน้าปัดลายเปอตีต์ทาพิสเซอรี (Petite Tapisserie) อันเป็นเอกลักษณ์ในเฉดสีน้ำเงินเข้ม (Bleu Nuit, Nuage 50) หรือ Night blue, Cloud 50 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย STERN FRÈRES ผู้ผลิตหน้าปัดที่มีชื่อเสียงในเจนีวา โดยเฉดสีน้ำเงินนั้นเกิดจากเทคนิคกัลวานิคบาธ (Galvanic bath) ที่ต้องให้ความสำคัญกับส่วนผสมของน้ำยา รวมถึงระยะเวลาและอุณหภูมิที่พอดี ซึ่งหากนำหน้าปัดออกจากน้ำยาเร็วเกินไปเฉดจะออกเป็นสีม่วง และหากช้าเกินไปก็จะกลายเป็นสีดำ หลังจากนั้นจึงเคลือบด้วยสารที่ผสมกับสีดำเล็กน้อย (สี n° 50) โดยคำว่า “Nuage” มากจากเอฟเฟ็คท์ที่คล้ายเมฆสีดำที่หยดลงไปในสารเคลือบนี้นั่นเอง
ในปัจจุบันสี Bleu Nuit, Nuage 50 ถูกผลิตโดยการเคลือบแบบพีวีดี เพื่อให้ได้สีที่เป็นเนื้อเดียวกันทั้งคอลเลคชั่น และเช่นเดียวกับนาฬิกา Royal Oak รุ่นดั้งเดิมในปี 1972 นาฬิกาคอลเลคชั่นนี้ใช้เครื่องหมายแสดงเวลาชั่วโมงและเข็มนาฬิการูปทรงเบญนัวร์ (Baignoire) หรือทรงวงรีแบบอ่างอาบน้ำตามแบบดั้งเดิม ซึ่งช่วยให้วัสดุเรืองแสงที่เคลือบไว้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และใช้อักษรย่อ AP ที่ผลิตจากชิ้นทองคำขัดเงา จัดวางไว้เหนือตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนคำว่า “AUDEMARS PIGUET AUTOMATIC” จะถูกวางอยู่ที่ใต้ตำแหน่ง 12 นาฬิกา อีกทั้งยังมีสัญลักษณ์ "SWISS MADE" ซึ่งเข้ามาแทนที่คำว่า "SWISS" แบบเดิม โดยแยกคำว่า SWISS และ MADE ไว้คนละด้านของเครื่องหมายแสดงเวลาชั่วโมง พร้อมความแตกต่างที่สุดจากรุ่นออริจินัล จะอยู่ที่ฝาหลังกรุกระจกแซฟไฟร์ที่ทำให้เห็นโรเตอร์และสัญลักษณ์ 50-Years ได้อย่างแตกต่าง