ความแตกต่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับ Code 11.59 by AUDEMARS PIGUET, Part I
นับเป็นครั้งแรกของ AUDEMARS PIGUET ที่นำเสนอวัสดุแบล็คเซรามิกในคอลเลกชั่น Code 11.59 โดยมิดเดิ้ลเคสถูกออกแบบให้มีเหลี่ยมมุมแบบเรขาคณิต ที่รังสรรค์ด้วยเซรามิคสีดำและถูกตรึงด้วยทองคำ ที่ยิ่งเน้นความโดดเด่นให้กับตัวเรือนนาฬิกาขึ้นไปอีกระดับ
AUDEMARS PIGUET เปิดตัวนาฬิกากลไกอัตโนมัติโครโนกราฟใน 2 โมเดลใหม่ภายใต้คอลเลคชั่น Code 11.59 ด้วยดีไซน์ทันสมัยที่ผสานไวท์โกลด์หรือพิ้งค์โกลด์ เข้ากับแบล็คเซรามิคเป็นครั้งแรก ที่แสดงให้เห็นถึงความงดงามและความพิถีพิถันในการรังสรรค์ โดยนาฬิกาทูโทนคอลเลคชั่นนี้ถือเป็นการ ยกระดับการผลิต รวมทั้งการเก็บรายละเอียดของตัวเรือน ที่มีในหลากหลายเหลี่ยมมุมให้สูงขึ้นอีกขั้น
“ทีมงานของเราได้ก้าวข้ามขีดจำกัดไปอีกขั้น เพื่อตอบรับความท้าทายในเทคนิคใหม่ๆ โดยเฉพาะการนำมิดเดิ้ลเคสซึ่งเป็นเซรามิคสีดำ มาประกอบเข้ากับขอบเบเซิล ขาตัวเรือน และฝาหลัง ที่ผลิตจากทองคำ พร้อมการขัดลายซาตินแนวตั้งบนหน้าปัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ต้องผ่านกระบวนการเพื่อสมบูรณ์แบบที่สุด ให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับความละเอียดอ่อน ในการสร้างสรรค์ตัวเรือนด้วยเทคนิคเทรตส์ ทิเรส์ (Traits tirés)” Sofia Candeias ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์และการออกแบบกล่าว
โดยนาฬิการุ่นใหม่ทั้งสองเรือน จะเผยให้เห็นดีไซน์ตัวเรือนทูโทนที่ดูร่วมสมัยกว่าเดิม ด้วยมิดเดิ้ลเคสทรงแปดเหลี่ยมที่โดดเด่นด้วยแบล็คเซรามิค ในขณะที่ขอบเบเซิล ขานาฬิกา และฝาด้านหลังถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยไวท์โกลด์หรือพิ้งค์โกลด์ 18 กะรัต โดยการผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เข้ากับวิธีสร้างสรรค์เรือนเวลาจากแบบดั้งเดิม ซึ่งจำเป็นต้องใช้การวางโปรแกรมที่มีความซับซ้อน เครื่องมือที่ออกแบบโดยเฉพาะ และความสามารถของช่างผู้ชำนาญ เพื่อการรังสรรค์เรือนเวลาและการเก็บรายละเอียดของแต่ละองค์ประกอบด้วยมือในแต่ละขั้นตอน
มิดเดิ้ลเคสเซรามิคถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้การร่วมมือกับ Bangerter บริษัทสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตชิ้นส่วนด้วยวัสดุเนื้อแข็ง ไม่ว่าจะเป็นเซรามิค ทังสเตนคาร์ไบด์ และวัสดุที่มีความแข็งแรงสูงชนิดอื่นๆ โดยการผลิตมิดเดิ้ลเคสสำหรับนาฬิการุ่นนี้ จะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนในหลายช่วง ตั้งแต่การผสมเซอร์โคเนียมออกไซด์เข้ากับสารยึดเกาะ ด้วยวิธีการแบบลับเฉพาะของ Bangerter ซึ่งวัตถุดิบนี้จะมีการขึ้นรูปทรงเบื้องต้นด้วยเทคโนโลยีของเครื่องซีเอ็นซีแบบ 5 แกนรุ่นล่าสุด และเมื่อขึ้นรูปครั้งแรกเสร็จจะนำสารยึดเกาะออกจากชิ้นส่วนของนาฬิกา และนำไปเผาที่อุณหภูมิสูงถึงประมาณ 1,400 องศาเซลเซียส เพื่อเพิ่มความแข็ง
ซึ่งความท้าทายของการทำงานกับเซรามิคนี้ก็คือ วัสดุจะหดตัวในระหว่างกระบวนการเผาประมาณ 25% หลังจากนั้นชิ้นส่วนจะถูกกลึง ด้วยเครื่องมือสำหรับการเจียระไนเพชรที่ความแม่นยำอย่างสูง เพื่อเตรียมชิ้นส่วนให้พร้อมสำหรับการเก็บรายละเอียดของเหลี่ยมมุมต่างๆ รวมทั้งการขัดลายซาติน ก่อนที่จะถึงขั้นตอนสุดท้ายที่จะต้องรังสรรค์ด้วยมือ โดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ส่วนประกอบทั้งเซรามิคและทองคำของนาฬิการุ่นนี้ จึงล้วนแล้วผ่านการขัดด้วยมือทั้งหมด โดยใช้เอกลักษณ์ของ AUDEMARS PIGUET เป็นหลักอย่างเช่นการขัดลายซาติน และการขัดเงาที่ผ่านการลบมุมด้วยความพิถีพิถัน ที่ถือเป็นความท้าทายครั้งใหม่เพื่อให้ได้องค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด ระหว่างชิ้นส่วนที่เป็นทองคำและเซรามิค ซึ่งผสมผสานความแตกต่างของวัสดุและพื้นผิว ที่มีทั้งความโค้งมนและเหลี่ยมมุมเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเพิ่มลูกเล่นที่น่าสนใจและสร้างให้วัสดุดูมีมิติยิ่งขึ้นเมื่อกระทบกับแสงในองศาต่างๆ
ทั้งรุ่นตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์และไวท์โกลด์ จะยิ่งดูโดดเด่นขึ้นด้วยหน้าปัดสีสโมคเกรย์ ที่ไล่เฉดสีเทาจากเข้มไปสู่เฉดสีอ่อนลงได้อย่างลงตัว มาพร้อมกับรายละเอียดของการขัดลายซาตินในแนวตั้ง เข้ากับตัวเรือนที่ผ่านการขัดลายอย่างพิถีพิถัน ในขณะที่หน้าปัดวงแสดงโครโนกราฟและขอบตัวเรือนด้านในที่มีสีดำ จะช่วยเพิ่มมิติให้กับหน้าปัดของเรือนเวล าและยังเข้ากันได้ดีกับมิดเดิ้ลเคสแบล็คเซรามิคทรงแปดเหลี่ยม นอกจากนี้มาร์กเกอร์แสดงเวลาชั่วโมงและเข็มนาฬิกา ทั้งในตัวเรือนไวท์โกลด์และพิ๊งค์โกลด์ ยังช่วยเติมความสว่างไสวให้กับนาฬิกาไปพร้อมกันอีกด้วย
กรุณาติดตามบทความต่อเนื่องในครั้งต่อไป
