Ateliers deMonaco, NOBLESSE OBLIGE
By Viracharn Termpipatpong
ตามความหมายของประโยค Noblesse Oblige ที่หมายความรวมไปถึงการเชิดชูวีรกรรมของผู้สถาปนาราชอาณาจักรอันงดงามของยุโรป เป็นการนำความงามสง่าในแบบร่วมสมัยและจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของราชรัฐโมนาโกมาหลอมรวมเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์แบรนด์และเรือนเวลาด้วยความประณีตพิถีพิถัน
Mr. Pim Koeslag ช่างนาฬิกามากฝีมือที่ Dr. Peter Stas และ Robert Van Pappelendam ไว้วางใจให้เป็นผู้สร้าง Ateliers deMonaco แบรนด์นาฬิกาชั้นเลิศที่จะสามารถดำรงอยู่เป็นมรดกอันล้ำค่าส่งมอบสู่ชนรุ่นหลังได้ต่อไป โดยการนำสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์กษัตริย์อันสูงส่งและเสน่ห์อันชวนหลงใหลในความงดงามและหรูหราแห่งราชรัฐโมนาโคมาสร้างเป็นแบรนด์และเรือนเวลา โดยมี Mr.Pim Koeslag เป็นผู้ลงมือออกแบบและสร้างสรรค์กลไกทุกแบบด้วยตัวเอง
นาฬิกาจาก Ateliers deMonaco ต่างเปี่ยมล้นไปด้วยรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์และเป็นตัวแทนอันทรงเกียรติของราชรัฐโมนาโคอย่างเต็มภาคภูมิ ทุกแบบล้วนสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กลไกจักรกลที่ถูกผลิตขึ้นแบบอินเฮ้าส์ภายในเวิร์คช็อปที่เจนีวา ตลอดจนการเสริมคุณค่าแห่งงานฝีมือผ่านการตกแต่ง การขัดแต่ง และการแกะสลักชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยฝีมือของช่างระดับสูงตามขนบธรรมเนียมการผลิตนาฬิกาชั้นเลิศของสวิสผสานกับเทคนิคการตกแต่งแบบพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาอย่างยาวนานสำหรับกระบวนการการผลิตกว่าจะสำเร็จออกมาเป็นนาฬิกาแต่ละเรือน นาฬิกาแต่ละคอลเลคชั่นของ Ateliers deMonaco จึงเป็นการผลิตแบบจำนวนจำกัดทั้งสิ้น ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว ก็ยังมีการรังสรรค์นาฬิกาเรือนพิเศษแบบยูนีคพีซที่สร้างออกมาเพียงเรือนเดียวด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมไปถึงนาฬิกาเรือนพิเศษที่สร้างถวายเจ้าชายอัลแบร์ที่สองแห่งราชรัฐโมนาโคด้วย
Tourbillon Ronde d’Or - Grand Prix de Monaco 1966
ตัวอย่างที่ดีที่สุดเรือนนึงจาก Ateliers deMonaco ก็คือนาฬิการุ่นนี้ที่ได้ดีไซน์มาจากภาพโปสเตอร์ของการแข่งขันรถยนต์รายการโมนาโคกรังด์ปรีซ์ประจำปี 1966 ดีไซเนอร์ของแบรนด์ได้นำเอาภาพสุดคลาสสิกและยอดนิยมนี้มาถ่ายทอดผ่านงานแกะสลักสุดประณีตบนผืนหน้าปัดไวท์โกลด์โดย Bernard Ditzof ช่างแกะสลักงานนาฬิการะดับยอดฝีมือ ซึ่งฉากที่ปรากฎบนภาพก็คือรถแข่ง BRM สีเขียวที่มี Graham Hill อยู่หลังพวงมาลัย กำลังไล่กวด John Surtee ในรถเฟอร์รารี่สีแดงอยู่บริเวณถนนหน้าพระราชวังโมนาโค ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสถานที่สำคัญของโมนาโคไปพร้อมๆ กับการแข่งขันอันเร้าใจ ซึ่งกว่าจะสำเร็จเป็นภาพอันงดงาม 4 ระดับชั้นบนหน้าปัดนาฬิกาเช่นนี้ได้ Mr. Bernard ต้องใช้เวลาไปมากกว่า 200 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนนาฬิกาเรือนที่ถูกเลือกใช้เป็นแบ็คกราวด์ให้กับภาพประวัติศาสตร์ภาพนี้ก็คือ นาฬิกาตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตร วัสดุไวท์โกลด์ประกอบล้อมแกนตัวเรือนไทเทเนี่ยมที่ผลิตด้วยมืออย่างประณีต รุ่น Tourbillon Ronde d’Or ที่ใช้กลไกตูร์บิยองคาลิเบอร์ XP-1 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรองลาน 42 ชั่วโมง ขึ้นลานแบบอัตโนมัติด้วยโรเตอร์เยลโลว์โกลด์ที่สลักตกแต่งด้วยมือเป็นตราประจำราชรัฐโมนาโค ที่นอกจากจะมีจุดเด่นจากการใช้บริดจ์ตูร์บิยองที่ผลิตจากแซฟไฟร์พร้อมติดตั้งเข็มวินาทีบนกรงตูร์บิยองแล้ว ยังเป็นกลไกที่ถูกแกะสลักและขัดแต่งอย่างงดงามด้วยมือซึ่งมองเห็นได้เต็มสายตาผ่านกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง ซึ่งกลไกนี้ถือเป็นกลไกตูร์บิยองที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำที่สุดกลไกหนึ่งของโลกด้วยอัตราความคลาดเคลื่อนเพียง 0-2 วินาทีต่อวันอันเป็นผลมาจากชิ้นส่วนและระบบของจักรกลตูร์บิยองที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ รวมถึงการใช้เอสเคปวีลและเลเวอร์ที่สร้างจากซิลิเซี่ยม ซึ่งเป็นระบบกลไกที่ได้รับสิทธิบัตรคุ้มครองแล้ว โดยนาฬิการุ่นนี้มีการผลิตขึ้นเป็นพิเศษเพียงเรือนเดียว เพื่อแสดงถึงเกียรติภูมิอันดับสูงสุดแห่งราชรัฐโมนาโค พร้อมกับความสามารถในการรังสรรค์ศิลปะการแกะสลักหน้าปัดของช่างฝีมือระดับสูงแห่ง Ateliers deMonaco