RADO Captain Cook Chronograph
กับการสร้างขอบเขตใหม่ด้วยนาฬิกาในสไตล์วินเทจ RADO Captain Cook ถือเป็นตัวเลือกสำหรับนักสำรวจยุคปัจจุบัน โดยนาฬิกากลไกรุ่นนี้จะประกอบไปด้วยวัสดุที่ใช้ในการผลิตอันหลากหลาย พร้อมรายละเอียดในสไตล์วินเทจ กับคุณสมบัติชั้นสูงที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความทนทานเหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นที่มหาสมุทรแห่งใด ป่านอร์ดิกอันหนาทึบ หรือถิ่นทุรกันดารบนเทือกเขาแอลป์
จากเรื่องราวการเปิดตัวนาฬิกาดำน้ำรุ่น Captain Cook ขึ้นเป็นครั้งแรกพร้อมแคมเปญการตลาดที่ว่า “ไม่ว่าแพทย์ วิศวกร นักกีฬา นักดำน้ำลึก หรือนักแข่งรถ นี่จะเป็นนาฬิกาสำหรับคุณ” พร้อมสัญลักษณ์สมอหมุนได้ที่ปรากฏอยู่ใต้ตำแหน่ง 12 นาฬิกาเสมอ จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากความโดดเด่นและความพิเศษของสัญลักษณ์สมอนี้มาโดยตลอด
เพราะนอกจากสัญลักษณ์สมอนี้ไม่เพียงแต่มีคุณค่า ทางด้านสุนทรียศาสตร์ด้านการมองเห็นได้อย่างโดดเด่นเท่านั้น แต่สัญลักษณ์สมอนี้ยังมีความซับซ้อนของกลไกการใช้ทับทิมสังเคราะห์ บรรจุอยู่ในตลับลูกปืนเพื่อคุณประโยชน์ด้านการหล่อลื่นอยู่ด้านใต้ของหน้าปัดนาฬิกา ซึ่งเมื่อสัญลักษณ์สมอไม่หมุนวนอย่างอิสระแล้ว ก็จะเป็นสัญญาณแสดงถึงขีดความสามารถของนาฬิกา ว่าจะเป็นต้องเข้ารับการบริการแล้วอีกด้วย
โดยนาฬิการุ่น Captain Cook มีการเปิดตัวใหม่อีกครั้งในปี 2017 พร้อมรายละเอียดสไตล์วินเทจอย่างครบถ้วนกับนาฬิกาที่มีตัวเรือนในขนาด 37 มิลลิเมตร หลังจากนั้นในปี 2019 จึงมีการนำเสนอนาฬิกาในตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตรเพื่อความเหมาะสมกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน จนถึงปี 2021 กับวัสดุไฮ-เทคเซรามิคอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของนาฬิกา RADO มาโดยตลอด
และกับนาฬิการุ่น Captain Cook Chronograph ที่ถือเป็นการเพิ่มสีสันเพิ่มเติมให้กับนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ กับฟังก์ชั่นโครโนกราฟยอดนิยม ที่แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนมากขึ้นในอีกระดับสำหรับนาฬิกาแบบกลไก โดยยังคงรูปแบบและสไตล์ของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Captain Cook ไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นขอบเบเซิลที่ผลิตจากเซรามิค หรือหน้าปัดแบบนูนที่เน้นความเป็นนาฬิกาวินเทจอย่างน่าสนใจ
พร้อมกระจกแซฟไฟร์ที่ทนทานต่อการขีดข่วน ในแบบขอบเหลี่ยมที่ผ่านกระบวนการเคลือบด้วยสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน โดยมีตัวเรือนทั้งในแบบบรองซ์ขัดเงาและแบบสตีลขนาด 43 มิลลิเมตร หนา 14.8 มิลลิเมตร และมีการเคลือบด้วยสารเรืองแสง ซุปเปอร์-ลูมิโนว่าสำหรับการใช้งานในที่มืด กับกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติที่ให้พลังสำรองลานนาน 59 ชั่วโมงที่เพียงพอต่อการหยุดใช้งานใน 1 วัน
นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนแฮร์สปริงที่ผลิตจากนาวาครอง เพื่อให้มีคุณสมบัติด้านการป้องการสนามแม่เหล็กไฟฟ้า และทำให้ชุดกลไกสามารถมอบความแม่นยำในการแสดงเวลา ได้เที่ยงตรงเกินกว่ามาตราฐานในการทดสอบ ทั้งจากการทดสอบในแบบการวัดค่าที่ 3 ตำแหน่งหรือแบบ 5 ตำแหน่ง และตอกย้ำถึงมาตราฐานการผลิตของ RADO ในกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติคาลิเบอร์ R801 ชุดนี้
และมีสายให้เลือกทั้งในแบบสตีลเข้ากับตัวเรือนสตีล พร้อมหน้าปัดโทนเหลือบสีน้ำเงินหรือโทนเหลือบสีดำ รวมทั้งในแบบตัวเรือนบรองซ์กับหน้าปัดสีน้ำเงิน โดยแบบตัวเรือนบรองซ์จะมีสายแบบผ้าหรือแบบหนังให้เลือก พร้อมราคาจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ที่ 122,600 บาทจนถึง 145,700 บาท