Sixtie by PIAGET

เมื่อเมซงเดินตามปรัญญา “Do what has never been done before” ที่ยึดถืออย่างแน่วแน่ ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นแห่งศตวรรษที่ 21 อันเต็มไปด้วยความล้ำสมัยที่งานนาฬิกาในบาเซิล โดนผลงานการออกแบบที่น่าตื่นตาในครั้งนั้น ได้กลายเป็นบรรทัดฐานในการสร้างสรรค์เรือนเวลา ที่หล่อหลอมชั้นเชิงงานศิลป์ของจิวเวลรี่ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้การนำของ Valentin Piaget หลานชายของผู้ก่อตั้งแบรนด์ ผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์และเข้าใจ ถึงความเปลี่ยนแปลงของแนวคิดทางสังคมและวัฒนธรรมยุคใหม่

ทั้งยังเป็นผู้คิดค้นกลไกที่สร้างชื่อให้เมซงจนถึงทุกวันนี้ โดยทำงานร่วมกับ Jean-Claude Gueit นักออกแบบนาฬิการุ่นบุกเบิกแห่งยุค เพื่อให้แต่ละชิ้นงานออกจากกรอบแนวคิดเดิมและเป็นที่น่าจดจำโดย Valentin ยังได้ส่งนักออกแบบนาฬิกาของเมซงไปยังปารีส เพื่อร่วมชมการแสดงแฟชั่นโชว์ โดยเชื่อว่าเหล่านักออกแบบจะนำเอาความคิดสร้างสรรค์ จากโลกแฟชั่นมาเป็นไอเดียในการออกแบบนาฬิกา และเครื่องประดับที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ความสำเร็จจากคอลเลคชั่นแห่งศตวรรษที่ 21

จากจุดเริ่มต้นแห่งพลังความสร้างสรรค์ สู่การเป็นแบรนด์แนวหน้าที่ปฏิวัติ วัฒนธรรมของเรือนเวลา จนเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของช่วง 60s และ 70s พร้อมทั้งทำให้ผู้คนที่คุ้นชินกับนาฬิกาที่มีตัวเรือนและหน้าปัดรูปทรงกลม ได้เข้าถึงชิ้นงานที่มีดีไซน์อย่างที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน ทั้งยังส่งมอบอิสระในการสวมใส่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกาทรงกำไลไปจนถึง นาฬิกาที่มาในดีไซน์สร้อยเส้นยาว โดยรูปทรงที่สะดุดตาและสร้างความประทับใจอย่างตราตรึงคงหนีไม่พ้น Jewellery Watch ในตัวเรือนสี่เหลี่ยมคางหมู

เพราะนอกจากจะเป็นผลงานที่ “เล่นกับรูปทรง” ได้อย่างสร้างสรรค์แล้ว ยังสะท้อนถึงความกล้าหาญในการนำเสนอ ทั้งในแง่ของนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญ และแนวคิดอันล้ำสมัยของ “House of Gold” แห่งนี้ พร้อมทั้งยังสื่อถึงชุดทรงสี่เหลี่ยมคางหมูอันโด่งดังของ YVES SAINT LAURENT อีกด้วยโดยในเกือบอีก 60 ปีต่อมา PIAGET ก็เดินหน้าฉลองมรดกทางความคิดสร้างสรรค์ ที่สะท้อนถึงความเรืองรองช่วง 60s อีกครั้ง ด้วยการหยิบหัตถศิลป์อันเชี่ยวชาญในทุกแง่มุม มาผนวกไว้ในเรือนเวลาใหม่ล่าสุด

Sixtie ที่เป็นการนำเสนอรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู อันเป็นรูปทรงที่มีบทบาทสำคัญ ในเรื่องของศิลปะและความกล้าที่จะแตกต่าง ที่เป็นการข้ามผ่านแนวคิดมาแล้วในหลายทศวรรษที่ผ่านมาที่แม้องค์ประกอบจะถูกปรับเปลี่ยนไป เพื่อให้สอดรับกับบริบทยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่เสน่ห์และรากฐานสำคัญเกี่ยวกับการเล่นกับรูปทรง ยังคงสานต่อไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมความโดดเด่นด้วยดีไซน์ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมคางหมู พร้อมการปรับแต่งให้มีความนุ่มนวล และสง่างามยิ่งขึ้นตามยุคสมัย

พร้อมเสริมความหรูหราด้วยการใช้วัสดุทองคำ ที่สอดแทรกลงบนดีเทลแต่ละชิ้นส่วน โดยสายจะได้รับการออกแบบให้ข้อต่อ เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูเช่นเดียวกับตัวเรือน มาพร้อมคุณสมบัติที่มีความยืดหยุ่น และโค้งรับกับข้อมือได้อย่างไร้ที่ติ ในขณะที่ซิกเนเจอร์ดีไซน์สำคัญ ที่ปรากฏในช่วง 70s ต่างถูกหยิบมานำเสนออย่างประณีตบนขอบตัวเรือน พร้อมสะท้อนถึงจิตวิญญาณของนาฬิกา Andy Warhol ทั้งยังสื่อถึง PIAGET Society ที่หลงใหลในความทันสมัยได้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยมีหน้าปัดขัดที่ตกแต่งลายซาติน

มาพร้อมเครื่องหมายบอกชั่วโมงและเข็มนาทีทรงบาตอง ที่ผสานเข้ากับเส้นสายที่สะอาดตาของตัวเลขโรมันอย่างลงตัว โดยผลงานนาฬิกาคอลเลคชั่น Sixtie นี้ มีการนำเสนอให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งในแง่ของดีไซน์หรือวัสดุ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่างตัวเรือนสตีลประดับเพชร, ตัวเรือนสตีลผสมพิ๊งค์โกลด์ ไปจนถึงรุ่นตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์ทั้งหมด พร้อมทั้งยังมีให้เลือกทั้งแบบประดับเพชรเพิ่มความระยิบระยับ และรุ่นที่ไม่ประดับเพชรในดีไซน์เรียบหรู เพื่อให้ Sixtie เป็นตัวอย่างของเรือนเวลาที่ไร้ขีดจำกัดในวันนี้



