ประวัติ 40 ปีแห่ง NAUTILUS ปรากฎการณ์นาฬิกาเรือนเหล็กราคาทะลุล้าน จาก PATEK PHILIPPE
"นาฬิกาสปอร์ตหรูร่วมสมัย
คงกระพันยาวนานเหนือกาลเวลา"
ค.ศ. 1976 เป็นปีที่อยู่ในช่วงกลางทศวรรษที่ทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ผู้คนต่างก้าวข้ามความวิปโยคจากยุคสงครามและหันมาชื่นชมยินดีกับการดำเนินชีวิต ธุรกิจการค้ากลับมาเฟื่องฟู ส่งผลให้มีอารมณ์ทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งเล่นกีฬา ท่องเที่ยวเปิดโลกกว้าง ตลอดจนหันมาใส่ใจในวัฒนธรรมและการศึกษา หนึ่งในผู้คนที่เป็นตัวแทนแห่งชนเจเนอเรชั่นนี้ก็คือ Philippe Stern (ฟิลิป สเติร์น) ผู้เป็นเจ้าของโปรเจ็คต์ Nautilus (นอติลุส) นาฬิกาดีไซน์สปอร์ตแบบแรกของ Patek Philippe (ปาเต็ก ฟิลิปส์) ซึ่งเปิดตัวสู่ตลาดในปีเดียวกันนั้นนั่นเอง และเพื่อเป็นการร่วมฉลองวาระครบ 40 ปี แห่งการถือกำเนิดของ Nautilus ในปี 2016 นี้ เราจึงถือโอกาสนี้นำเรื่องราวของนาฬิกาสปอร์ตหรูสุดโด่งดังคอลเลคชั่นนี้มานำเสนอให้ทุกท่านได้ทราบกัน
ขณะที่เปิดตัวนาฬิกา Nautilus เมื่อปี 1976 นั้น Philippe Stern ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของ Patek Philippe แล้ว โดยมีคุณพ่อของเขา Henri Stern เป็นประธานบริษัท (Charles Stern คุณปู่ของเขา ร่วมกับ Jean Stern (ซึ่งผู้เขียนไม่แน่ใจว่าเป็นพี่ชายหรือน้องชาย) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ส่งหน้าปัดให้กับ Patek Philippe ได้ซื้อกิจการ Patek Philippe มาดำเนินการในปี 1932) Philippe ตัดสินใจสร้างนาฬิกาแบบสปอร์ตนี้ขึ้นมาด้วยเห็นว่าสภาวะสังคมและสภาวะตลาดในขณะนั้นพร้อมจะเปิดรับประดิษฐกรรมร่วมสมัยรูปแบบใหม่ๆ แล้ว Philippe ร่วมมือกับ Gérald Genta (ยอดนักออกแบบนาฬิกาแห่งยุคศตวรรษที่ 20 ซึ่งเคยออกแบบนาฬิกาสปอร์ตหรูรุ่น Royal Oak ให้กับ Audemars Piguet มาก่อนแล้ว) ทำการสร้างสรรค์ดีไซน์ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในนาฬิกา Patek Philippe ตลอดประวัติศาสตร์ 137 ปีของแบรนด์ก่อนหน้านั้น
ผลงานการสร้างสรรค์ชิ้นนั้นก็คือ นาฬิกา Nautilus Ref. 3700/1A บรรพบุรุษแห่งตระกูลคอลเลคชั่น Nautilus โดยเป็นนาฬิกาตัวเรือนขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นด้วยวัสดุสตีล ทั้งตัวเรือนและสาย ทั้งยังสามารถกันน้ำได้ถึงระดับความลึก 120 เมตร ในดีไซน์แบบเฉพาะตัวที่แตกต่างจากนาฬิกาอื่นใดในยุคนั้น โดยเปี่ยมไปด้วยอารมณ์แห่งการเดินเรืออันเป็นชีวิตสุดสุนทรีย์แห่งผู้คน แสดงเวลาแบบสองเข็ม (ชั่วโมงกับนาที) พร้อมแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ทำงานด้วยกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ เปิดตัวออกมาท่ามกลางกระแสความนิยมในนาฬิกาเรือนบางวัสดุทองคำซึ่งยึดครองตลาดนาฬิการะดับหรูอยู่ในยุคนั้น โดยได้รับการขนานนามชื่อเล่นว่า “จัมโบ้” ด้วยขนาดตัวเรือน 42 มม. (รวมเม็ดมะยม) ที่ถือว่าใหญ่แล้วในยุคนั้น นับจากวันนั้นเป็นต้นมา นิยามแห่งนาฬิกาสปอร์ตหรูก็ได้ถือกำเนิดขึ้นและดำรงคงอยู่มาจนกระทั่งครบ 40 ปีในวันนี้
Ref.3700/1A “JUMBO” ตัวเรือนและสายสตีล
บรรพบุรุษต้นตระกูล Nautilus เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1976
กล่องบรรจุแบบดั้งเดิมสมัยปี 1976 ของนาฬิกา Nautilus
นวัตกรรมแห่งดีไซน์ โครงสร้าง
และการส่งสารถึงผู้คน
Ref.3700/1A บรรพบุรุษแห่ง Nautilus โดดเด่นด้วยรูปทรงและโครงสร้างของตัวเรือนแบบ 2 ชิ้น ที่นำแรงบันดาลใจมาจากระบบกลไกล็อคของหน้าต่างของเรือเดินสมุทรซึ่งป้องกันน้ำเข้าได้เป็นอย่างดี (ตัวเรือนโดยทั่วไปมักจะเป็นโครงสร้างแบบ 3 ชิ้น) กระจกหน้าปัดถูกล้อมด้วยขอบตัวเรือนดีไซน์แปดเหลี่ยมโค้งมนสลวย ขัดลายซาตินที่ด้านบนและขัดเงาที่บริเวณขอบสัน คู่เคียงมากับสายวัสดุสตีลขัดด้านสลับขัดเงาที่ดูแข็งแกร่งแต่ให้สวมสบายโค้งกระชับรับกับข้อมือได้อย่างไม่น่าเชื่อ ร่วมด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มพื้นลายเส้นนูนขวางที่ติดตั้งด้วยหลักชั่วโมงทรงบาตองเคลือบสารเรืองแสงแมตชิ่งกับลักษณะของเข็ม และที่เลือกใช้ชื่อว่า Nautilus ก็เนื่องด้วยลวดลายอันงดงามของเปลือกหอย Nautilus (หอยโข่ง) และยังสอดคล้องกับชื่อเรือดำน้ำของกัปตันนีโมในเรื่อง ใต้ทะเล 20,000 โยชน์ บทประพันธ์ชิ้นเอกของ จูลส์ เวิร์น ผู้บุกเบิกการเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ของโลกนั่นเอง
ภาพโฆษณาของนาฬิกา Nautilus ในสมัยแรกๆ
นอกจากนี้ยังได้สร้างงานโฆษณาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยมีข้อความพาดหัวที่แสนดึงดูดว่า “One of the world’s costliest watches is made of steel” (หนึ่งในมวลหมู่นาฬิกาที่มีค่าที่สุดของโลกนั้น ถูกสร้างขึ้นจากสตีล) และ “It goes with a wetsuit as well as with a tuxedo” (ไปกันได้ดีทั้งกับชุดเว็ทสูทและชุดทักซิโด้) ซึ่งชวนให้ผู้คนจดจำ Nautilus ได้เป็นอย่างดี หาก Nautilus ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จทันทีในชั่วระยะข้ามคืนเนื่องด้วยการเป็นสิ่งใหม่ที่ผู้คนยังไม่คุ้นเคย แต่เพียงไม่กี่ปีให้หลัง ข้อกังขาที่ผู้คนเคยตั้งแง่ว่าลักษณะลำลองไม่เป็นทางการกับความสง่างามจะไปด้วยกันได้อย่างไร ก็ถูกขจัดไปโดยสิ้น นาฬิกา Nautilus Ref.3700/1A จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในหลักประวัติศาสตร์ของวงการนาฬิกาและกลายเป็นเรือนสะสมสุดล้ำค่าของคนรักนาฬิกาซึ่งนี่เองที่ทำให้ราคาของมันพุ่งสูงกว่าสมัยที่มีจำหน่ายไปไกลมากมาย คุณค่าเหล่านี้ก็ส่งผลให้ Nautilus ที่เป็นตัวเรือนสตีล (เหล็กเพียวๆ ไม่มีทองไม่มีเพชร) หลายๆ รุ่น วางจำหน่ายในราคาเกินล้านบาทได้ โดยมีผู้คนมากมายทั่วโลกรอซื้อหาไปครอบครองแบบที่ทางร้านขายนาฬิกาไม่ต้องออกแรงพรรณนาสรรพคุณอะไรกันมากมายเลย เรียกว่ากลายเป็นค่านิยมของบรรดาเศรษฐี ดารา ศิลปิน และเซเลบริตี้ ที่จะต้องมีนาฬิกาตระกูลนี้อยู่บนข้อมือกัน
พัฒนาต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืน
ตลอด 40 ปีที่ผ่านมาของตระกูล Nautilus นับจากเปิดตัวครั้งแรกด้วยรุ่น Ref. 3700/1A เรือนสตีลเมื่อปี 1976 ก็ได้มีการออกรุ่นต่างๆ มาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ด้วยวัสดุ ขนาด หน้าปัด และชนิดของสาย ที่แตกต่างกันโดยมีทั้งแบบสำหรับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง โดย Ref.3700 นั้นมีจำหน่ายอยู่จนถึงปี 1990 เลยทีเดียว ส่วนรุ่นเด่นๆ ก็จะมี Ref.4700/51J ตัวเรือนและสายเยลโลว์โกลด์สำหรับคุณผู้หญิง ที่เปิดตัวมาในปี 1980, Ref. 3800/1 และ Ref.3900/1 ที่เป็นตัวเรือนขนาดกลางซึ่งเปิดตัวในปี 1981 ซึ่งเพิ่มเข็มวินาทีกลางหน้าปัดมาให้, Ref.3800/1JA ตัวเรือนและสายแบบสองกษัตริย์ สตีล/เยลโลว์โกลด์ ในปี 1996 ที่มากับหลักชั่วโมงเลขโรมัน
Ref.4700/51J ตัวเรือนและสายเยลโลว์โกลด์สำหรับคุณผู้หญิง
ออกมาในปี 1980
Ref.3800/1A ตัวเรือนและสายสตีล เป็นตัวเรือนขนาดกลาง
เปิดตัวมาในปี 1981 พร้อมติดตั้งเข็มวินาทีกลางหน้าปัด
Ref.3900/1 ตัวเรือนและสายแบบสองกษัตริย์ สตีล-เยลโลว์โกลด์
เป็นตัวเรือนขนาดกลาง เปิดตัวมาในปี 1981
พร้อมติดตั้งเข็มวินาทีกลางหน้าปัด
Ref.3800/1JA ตัวเรือนและสายแบบสองกษัตริย์ สตีล-เยลโลว์โกลด์
หลักชั่วโมงเลขโรมัน เปิดตัวในปี 1996
Ref.3711/1G ตัวเรือนและสายไวท์โกลด์
Ref.5800/1A ตัวเรือนและสายสตีล
Ref.5711/1A ตัวเรือนและสายสตีล หน้าปัดสีน้ำเงิน ออกมาในปี 2006
ทายาทปัจจุบันของ Ref.3700/1A
โครงสร้างตัวเรือนของ Ref.5711
Ref.5711J ตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ สายหนังจระเข้
Ref.5713/1G ตัวเรือนและสายไวท์โกลด์ ประดับเพชรบนขอบตัวเรือน
Ref.5719/1G ตัวเรือนและสายไวท์โกลด์ ประดับเพชรแบบปูเต็ม
บนตัวเรือน สาย และหน้าปัด
ส่วน Nautilus แบบที่มาพร้อมฟังก์ชั่นกลไกซึ่งมีความซับซ้อนกว่าการแสดงเวลาและวันที่นั้นเปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 1998 ด้วย Ref. 3710/1A ซึ่งมีฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองมาให้บนหน้าปัด และในปี 2005 ก็ออกรุ่น Ref. 3712/1A ฟังก์ชั่นแสดงมูนเฟสและกำลังสำรองมาสู่ตลาด ต่อด้วย Ref. 5980/1A ในปี 2006 ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกับการฉลองวาระครบ 30 ปีของตระกูล Nautilus ซึ่งนอกจากรุ่นนี้จะมาพร้อมกับกลไกอัตโนมัติ ฟลายแบ็คโครโนกราฟ (กลไกจับเวลาแบบที่สามารถสั่งการให้เริ่มจับเวลาใหม่ได้ทันทีจากการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว โดยไม่ต้องกดหยุด แล้วกดรีเซ็ท 0 แล้วค่อยกดสตาร์ทใหม่) จับเวลาได้สูงสุด 12 ชั่วโมง แสดงค่าด้วยเคาน์เตอร์เดี่ยวที่ใช้เข็มชั่วโมงจับเวลาและเข็มนาทีจับเวลาวางอยู่บนแกนเดียวกัน พร้อมฟังก์ชั่นแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างแล้ว ยังใช้โครงสร้างตัวเรือน Nautilus แบบ 3 ชิ้น ที่ออกแบบขึ้นใหม่มาแทนโครงสร้างตัวเรือน 2 ชิ้นแบบเดิมด้วย ต่อด้วย Ref.5980R เรือนโรสโกลด์ คู่สายหนังจระเข้ ในปี 2010 ส่วนแบบฟังก์ชั่นแอนนวลคาเลนดาร์ของนาฬิกา Nautilus นั้นถูกเปิดตัวออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2010 ด้วย Ref. 5726A สายหนังจระเข้ โดยมีรุ่นสายสตีล Ref.5726/1A ตามออกมาในปี 2012 และในปี 2014 ก็มี Nautilus ฟังก์ชั่นทราเวลไทม์ ผนวกฟลายแบ็คโครโนกราฟ จับเวลา 60 นาที ออกมาเป็นแบบล่าสุด นั่นก็คือรุ่น Ref.5990/1A
Ref.3710/1A ตัวเรือนและสายสตีล ออกมาในปี 1998
เด่นด้วยฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองบนหน้าปัด
Ref.3712/1A ตัวเรือนและสายสตีล ออกมาในปี 2005
ฟังก์ชั่นแสดงมูนเฟสและกำลังสำรองบนหน้าปัด
Ref. 5980/1A ฟังก์ชั่นฟลายแบ็คโครโนกราฟในตัวเรือนและสายสตีล
ออกมาในปี 2006 พร้อมการฉลองวาระครบ 30 ปีของตระกูล Nautilus
โครงสร้างตัวเรือนของ Ref.5980
Ref. 5980R ฟังก์ชั่นฟลายแบ็คโครโนกราฟในตัวเรือนโรสโกลด์
คู่กับสายหนังจระเข้
Ref.5712/1A ตัวเรือนสตีล สายสตีล ฟังก์ชั่นแสดงมูนเฟส
และกำลังสำรองบนหน้าปัด ทายาทปัจจุบันของ Ref.3712/1A
Ref.5712R ตัวเรือนโรสโกลด์ สายหนังจระเข้ ฟังก์ชั่นแสดงมูนเฟส
และกำลังสำรองบนหน้าปัด
Ref.5722G ตัวเรือนไวท์โกลด์ ประดับเพชรบาแกตต์บนขอบตัวเรือน
สายหนังจระเข้ ฟังก์ชั่นแสดงมูนเฟสและกำลังสำรองบนหน้าปัด
Ref.5724R ตัวเรือนโรสโกลด์ ประดับเพชรบาแกตต์บนขอบตัวเรือน
กับขายึดสาย และประดับเพชรบาแกตต์กับเพชรกลมบนหลักชั่วโมง
สายหนังจระเข้ ฟังก์ชั่นแสดงมูนเฟสและกำลังสำรองบนหน้าปัด
Ref. 5726A ฟังก์ชั่นแอนนวลคาเลนดาร์ในตัวเรือนสตีลคู่กับสายหนัง
เปิดตัวครั้งแรกในปี 2010
Ref.5726/1A ตัวเรือนสตีล สายสตีล ฟังก์ชั่นแอนนวลคาเลนดาร์
เปิดตัวเมื่อปี 2012
Ref.5990/1A ตัวเรือนสตีล สายสตีล ฟังก์ชั่นทราเวลไทม์
แสดงเวลาได้สองค่าเวลาพร้อมกันด้วยเข็มชั่วโมงกลางคนละเข็ม
พร้อมช่องแสดงกลางวัน/กลางคืนของแต่ละไทม์โซน
ร่วมด้วยฟังก์ชั่นแสดงวันที่ด้วยเข็ม และฟลายแบ็คโครโนกราฟ
ที่จับเวลาได้ 60 นาที เปิดตัวออกมาในปี 2014
สำหรับ Nautilus รุ่นสำหรับคุณผู้หญิงนั้นได้รับการขัดเกลาดีไซน์ใหม่โดย Gérald Genta และเปิดตัวออกมาในปี 2009 (ก่อนที่ Genta จะเสียชีวิตลงในปี 2011 ด้วยวัย 80 ปี) ต่อมาในปี 2013 ก็มีการออกเวอร์ชั่นใหม่ๆ ที่ใช้หน้าปัดแบบต่างๆ ที่ออกแบบให้เป็นสไตล์ของผู้หญิงยิ่งขึ้นโดยมีทั้งแบบสายหนังจระเข้และแบบสายสตีลให้เลือก และในปี 2015 ก็ได้ออก Ref.7118/1A ซึ่งเป็นนาฬิกา Nautilus กลไกอัตโนมัติ รุ่นคุณผู้หญิงรุ่นแรกที่ใช้ตัวเรือนสตีลซึ่งไม่มีเพชรประดับ เพื่อเอาใจคุณผู้หญิงที่ชอบนาฬิกาสปอร์ตเรือนเหล็กแบบคุณผู้ชาย
Ref.7008/1A รุ่นสำหรับผู้หญิงในตัวเรือนสตีล
ประดับเพชรบนขอบตัวเรือน สวมคู่กับสายสตีล
Ref.7010R รุ่นสำหรับผู้หญิงในตัวเรือนโรสโกลด์
ประดับเพชรบนขอบตัวเรือน สายหนังจระเข้
Ref.7011/1G รุ่นสำหรับผู้หญิงในตัวเรือนและสายวัสดุไวท์โกลด์
Ref.7021/1G รุ่นสำหรับผู้หญิงในตัวเรือนและสายวัสดุไวท์โกลด์
ประดับเพชรแบบปูเต็มทั้งบนตัวเรือน หน้าปัด และสาย
Ref.7118/1200R รุ่นสำหรับผู้หญิงในตัวเรือนและสายวัสดุโรสโกลด์
ประดับเพชรบนขอบตัวเรือน
Ref. 7118/1A เป็นรุ่นแรกของ Nautilus กลไกอัตโนมัติสำหรับคุณผู้หญิงที่ใช้ตัวเรือนสตีลแบบไม่มีเพชรประดับ
เปิดตัวในปี 2015
Nautilus รุ่นพิเศษฉลอง 40 ปี
ในโอกาสวาระครบ 40 ปีแห่งการถือกำเนิดของนาฬิกา Nautilus ในปี 2016 นี้ แม้จะไม่มีวี่แววการปรากฎของ Nautilus รุ่นใหม่หรือรุ่นพิเศษใดๆ ที่งานบาเซิลเวิลด์ 2016 แต่ทุกคนก็เชื่อว่าทาง Patek Philippe คงไม่ปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ อย่างแน่นอน และในที่สุดเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2016 Patek Philippe ก็ได้เปิดตัวนาฬิกา Nautilus ลิมิเต็ด-เอดิชั่น ผลิตจำนวนจำกัดรุ่นพิเศษฉลองครบ 40 ปี สู่สายตาชาวโลกพร้อมกันถึง 2 รุ่นด้วยกัน อันได้แก่ รุ่น Nautilus Ref. 5711/1P 40th Anniversary Limited Edition ผลิตจำนวนจำกัด 700 เรือน และรุ่น Nautilus Chronograph Ref. 5976/1G 40th Anniversary Limited Edition ผลิตจำนวนจำกัด 1,300 เรือน
Nautilus แบบสามเข็ม Ref. 5711/1P ใช้ตัวเรือนขนาด 40 มม. และสายที่ทำจากวัสดุล้ำค่าอย่างแพลตินั่ม สร้างขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความสดุดีแก่ Ref. 3700/1A หรือที่เรียกว่ารุ่น “จัมโบ้” บรรพบุรุษของ Nautilus จากปี 1976 ทั้งยังมีเพชรเม็ดงามประดับอยู่ที่ด้านใต้ของตัวเรือน ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ตามธรรมเนียมของนาฬิกา Patek Philippe ตัวเรือนแพลตินั่มด้วย โดยเป็นเพชรขนาด 0.02 กะรัต ติดตั้งอยู่ใต้ขอบตัวเรือน ทำงานด้วยกลไก Calibre 324 S C ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรองสูงสุด 45 ชั่วโมง ขึ้นลานอัตโนมัติด้วยโรเตอร์ทองคำ 21 กะรัต ซึ่งมองเห็นได้ผ่านกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง
ส่วน Nautilus แบบฟลายแบ็ค โครโนกราฟ Ref. 5976/1G นั้นเป็นการนำลักษณะของ Ref. 5980/1A ซึ่งเปิดตัวออกมาพร้อมวาระฉลองครบ 30 ปีของ Nautilus เมื่อปี 2006 มาออกแบบขึ้นใหม่ซึ่งมิใช่เพียงแค่รายละเอียดเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมตัวเรือนใหม่ที่ขยายขนาดเป็น 44 มม. ซึ่งเป็น Nautilus ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา (กว้างกว่าตัวเรือนของ Ref.5980 ถึง 3.6 มม.) โดยทั้งตัวเรือนและสายล้วนสร้างขึ้นจากวัสดุไวท์โกลด์ ทำงานด้วยกลไกฟลายแบ็คโครโนกราฟพร้อมคอลัมน์วีลจับเวลา 12 ชั่วโมง แสดงชั่วโมงและนาทีจับเวลาบนวงหน้าปัดเดียวกัน Calibre CH 28-520 C กำลังสำรองสูงสุด 55 ชั่วโมง ขึ้นลานด้วยโรเตอร์ทองคำ 21 กะรัต ซึ่งมองเห็นได้ผ่านกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง
ลักษณะเด่นที่นาฬิการุ่นพิเศษฉลอง 40 ปีทั้ง 2 รุ่นนี้มีร่วมกันก็คือ ทั้งคู่ต่างใช้หน้าปัดลายเส้นนูนขวางเคลือบพีวีดีสีน้ำเงิน พร้อมหลักชั่วโมงไวท์โกลด์ทรงบาตองที่ประดับด้วยเพชรโดย Ref.5711/1P จะเป็นเพชรทรงบาแกตต์ทั้งหมด ส่วน Ref.5976/1G จะเป็นเพชรทรงบาแกตต์ ร่วมกับเพชรแบบปริ้นเซส-คัท และจารึกสัญลักษณ์ครบ 40 ปีบนพื้นหน้าปัด แสดงเวลาด้วยเข็มทรงบาตองวัสดุไวท์โกลด์เคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า และบรรจุมาในกล่องไม้ก๊อกธรรมชาติสีน้ำตาลที่สร้างขึ้นสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะซึ่งเป็นไปตามรูปแบบของกล่องบรรจุนาฬิกา Nautilus รุ่นบรรพบุรุษเมื่อสมัยปี 1976
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านาฬิกาสุดพิเศษทั้ง 2 รุ่นนี้จะเป็นที่ปรารถนาของคนรักนาฬิกาทั่วโลกสักเพียงใด และด้วยจำนวนการผลิตที่น้อยนิดรวมกันเพียงแค่ 2,000 เรือนก็ทำให้มีไม่มากคนนักที่จะได้ครอบครอง หรืออาจเรียกได้ว่าขายหมดโดยไม่ต้องเอาออกมาวางจำหน่ายหน้าร้านเลยด้วยซ้ำ แต่เราเชื่อว่าหากผู้ใดได้ครอบครองนาฬิกา Nautilus แม้เพียงรุ่นใดรุ่นหนึ่ง ก็จะรู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจในการมีส่วนเป็นเจ้าของหลักประวัติศาสตร์สำคัญของวงการนาฬิกาโลก
By: Viracharn T.