The New Toric Collection, Part II

ด้วยแรงบันดาลใจจากเสาแบบดอริกและรูปทรงของทอรัส คอลเลกชั่นนาฬิกา Toric ใหม่ล่าสุดนี้จึงยังคงรักษาเอกลักษณ์ และสไตล์ของคอลเลคชั่นดั้งเดิมไว้ ตามแบบที่มีการนำเสนอเป็นครั้งแรกในปี 1996 ซึ่งแม้ว่าจะมีการพัฒนา ในหลายด้านอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ PARMIGIANI Fleurier ยังคงที่ยึดมั่น นั่นก็คือลวดลายที่มีความละเอียดและประณีตบนหน้าปัด ที่ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในคุณสมบัติ อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในทุกคอลเลคชั่นของแบรนด์

 

Parmigiani Fleurier Toric Petite Seconde 007

 

นอกจากนั้นการยกระดับไปสู่การเลือกใช้ เฉพาะวัสดุในระดับสูงที่เต็มเปี่ยมไปด้วย วัฒนธรรมด้านการผลิตอันล้ำลึก รวมไปถึงกลไกการทำงานแบบที่ต้องขึ้นลานแบบแมนนวลเท่านั้น ยังเป็นความสำคัญที่สร้างให้เกิดความโดดเด่นสูงสุดของนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ ด้วยแท่นกลไกที่ต้องเป็นทองคำ หน้าปัดที่ต้องเป็นทองคำ มาร์กเกอร์และเข็มแสดงเวลาที่ต้องเป็นทองคำ และตัวเรือนที่เป็นทองคำหริอแพลทินัม ปิดท้ายด้วยชุดล็อคที่ต้องเป็นทองคำหรือแพลตตินัมเท่านั้นด้วยเช่นกัน

 

Screenshot 2567 05 08 at 10.09.34

 

รวมไปถึงเส้นสายโดยรวมของตัวเรือน ที่ต้องดูบริสุทธิ์ ชัดเจน และเรียบง่าย โดยไม่มีส่วนที่ยื่นออกมาหรือจุดอื่นๆ ที่ดูแตกต่างออกไปอย่างเด่นชัด ที่จะช่วยเปล่งประกายให้เกิดความนุ่มนวลจากทุกมุมมอง และสามารถผสานกับสายได้อย่างลงตัว เพื่อทำให้ดูเรียบเนียนตลอดทั้งตัวเรือนจนถึงสาย โดยมีตัวเรือนที่ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ของความบริสุทธิ์ที่จะแผ่ขยายออกไปสู่ส่วนอื่นๆ ทั้งสายและหน้าปัดโดยมีฟังก์ชั่นการแสดงเวลา ที่จะแสดงให้เห็นได้ในทันทีแบบเรียบง่ายแต่ชัดเจน

 

maxresdefault

 

จากหน้าปัดทองคำของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Toric ที่ตกแต่งในขั้นตอนสุดด้วยเทคนิค การขัดผิวแบบอัลเกรนอันเป็นวัฒนธรรมการผลิตดั้งเดิมอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เกิดพื้นผิวด้านที่มีเท็กซ์เจอร์ได้อย่างประณีต ซึ่งการขัดเงานี้จะสำเร็จลงได้ ด้วยกระบวนการผลิตในแบบโบราณที่ต้องใช้ การแปรงด้วยมืออย่างระมัดระวัง และตามด้วยการขัดแบบละเอียดอ่อนอีกครั้ง โดยวิธีการนี้ต้องอาศัยช่างนาฬิการะดับปรมาจารย์ ในระดับเดียวกันกับ Michel Parmigiani ในการผลิตเพื่อให้ได้ชิ้นงานอันสมบูรณ์แบบ
 
Parmigiani Fleurier Toric Petite Seconde 004
 
เพื่อสร้างพื้นผิวหน้าปัดที่มองดูนุ่มนวล และสม่ำเสมอให้พร้อมการกระจายแสง ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์วินเทจจากช่วง 60s พร้อมรูปหน้าปัดที่มีขอบด้านนอกแบบ "เอียง" ที่จะทำมุมเข้าหาด้านในของตัวเรือนเล็กน้อย เพิ่มมิติในมุมมองอันสุนทรียภาพเพิ่มเติมจากลวดลาย ซึ่งในขณะที่หน้าปัดสามารถสร้างให้เกิดแสงจากมุมมองต่างๆ ได้อย่างงดงามแล้ว เข็มและมาร์กเกอร์ที่ผลิตจากทองคำ ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดความแวววาวขึ้นในแต่ละมุมมองได้ไปในอีกระดับ 
 
Screenshot 2567 05 08 at 10.08.53
 
ส่วนสายก็ถือเป็นอีกหนึ่งในส่วนสำคัญของคอลเลคชั่น โดยผลิตจากหนังจระเข้พร้อมพื้นผิวแบบนูบัค ที่ผ่านการตกแต่งด้วยตะเข็บถึงสองจุด ชวนให้นึกถึงงานฝีมือของช่างตัดเสื้อชาวเนเปิลส์ที่ดีที่สุดในโลก ด้วยการเย็บแบบปุนโตอามาโน่ (Punto a Mano) ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ทางสุนทรียศาสตร์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ในการใช้งานและประสบการณ์ในการสวมใส่ กับสายเฉดสีพาสเทลที่มีความละเอียดอ่อนแต่โดดเด่น ที่ทำให้นึกถึงความเงียบสงบและก่อให้เกิดมิติใหม่แห่งความสง่างามของสุภาพบุรุษ
 
Screenshot 2567 05 08 at 10.18.04
 
สุดท้ายคือหัวใจสำคัญของคอลเลคชั่น ที่สร้างขึ้นจากทองคำนั่นก็คือชุดกลไก ที่นาฬิกาในคอลเลคชั่น Toric Petite Seconde ภูมิใจนำเสนอกลไกคาลิเบอร์ชุดใหม่ ที่มีบริจด์โรสโกลด์ขนาดใหญ่สามชุด ที่เผยให้เห็นเพียงบาร์เรลและชุดเอสเคปเมนท์พร้อมบริจด์เท่านั้น โดยสถาปัตยกรรมที่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่นี้ จะผ่านการตกแต่งด้วยลวดลายโค๊ทส์เดอเฟลอริเยร์ ที่ถือเป็นการยกย่องต่อแนวทางการผลิตนาฬิกาในแบบดั้งเดิม จากสุนทรียะอันเรียบง่ายและร่วมสมัย ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์โดยรวมของนาฬิกา