iamwatch

Twitter

หลายคนคงพอทราบมาบ้างว่าแบรนด์นาฬิกาไฮเอนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ PARMIGIANI FLEURIER นั้นมีที่มาที่น่าสนใจซึ่งแตกต่างจากแบรนด์นาฬิกาอื่นๆ ด้วยความที่ Michel Parmigiani ที่เป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์นั้นเป็นช่างนาฬิกาฝีมือดีที่เริ่มสร้างชื่อเสียงของตนขึ้นมาในช่วงยุคตกต่ำของนาฬิกาจักรกล แน่นอนว่าในช่วงนั้นการเข้าร่วมทำงานกับบริษัทนาฬิกาต่างๆ ในยุคนั้นที่หันมามุ่งเน้นในการผลิตนาฬิกาควอตซ์เป็นหลักคงไม่ใช่ทางเดินชีวิตของเขา เขาจึงตั้งเวิร์คช็อปในการบูรณะและซ่อมบำรุงนาฬิกาโบราณขึ้นมา และได้พิสูจน์ความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์จนฝีมือของเขาเป็นที่เลื่องลือและไว้ใจของเหล่านักสะสมวัตถุโบราณ ตลอดจนพิพิธภัณฑ์สำคัญๆ ของโลก ซึ่งเหล่านาฬิกาโบราณเหล่านี้นี่เองที่เปรียบเสมือนเป็นครูและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นมาในเวลาต่อมา

จากพื้นฐานที่ได้เล่ามานี้จึงไม่น่าแปลกใจที่นาฬิกาคอลเลคชั่นต่างๆ ภายใต้แบรนด์ PARMIGIANI FLEURIER ไม่ว่าจะเป็น Kalpa หรือ Tonda จึงล้วนมีลักษณะของดีไซน์ที่แฝงความคลาสสิกแห่งนาฬิกาในอดีตเอาไว้อย่างกลมกลืนจนกลายเป็นรูปแบบเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนแบรนด์อื่นใด แต่ในปี 2013 นี้ ทางแบรนด์ก็ได้ออกคอลเลคชั่นนาฬิกาใหม่เอี่ยมภายใต้ชื่อ Ovale นาฬิการูปแบบดีไซน์ทรงรีแปลกตาซึ่งนำแรงบันดาลใจมาจากลักษณะของนาฬิกาพกโบราณเรือนหนึ่งที่สร้างโดย Vardon และ Stedmann ช่างอัญมณีชาวอังกฤษ ซึ่ง Michel ได้มีโอกาสทำการบูรณะเมื่อปี 1997 โดยมีออกมาด้วยกัน 2 รุ่นหลักๆ คือ Ovale Pantographe กับ Ovale Tourbillon

Ovale Pantographe เด่นที่เข็มแบบเทเลสโคปิก 

ลักษณะหลักๆ ที่ Michel นำมาจากนาฬิกาโบราณเรือนนั้น นอกจากรูปทรงของตัวเรือนแล้วยังมีลักษณะของเข็มแบบเทเลสโคปิกที่สามารถยืดหดได้ด้วยระบบกลไกเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อที่บนหน้าปัดทรงรีซึ่งมีพื้นที่บริเวณแนวขวางและแนวดิ่งไม่เท่ากันอีกด้วย โดยนำมาใช้ในรุ่น Ovale Pantographe ซึ่งด้วยความที่กลุ่มองค์กรซึ่ง PARMIGIANI FLEURIER สังกัดอยู่นั้น มีเครือข่ายโรงงานและผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ อยู่อย่างครบวงจรอยู่แล้ว จึงสามารถสร้างชิ้นส่วนที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครเช่นนี้ขึ้นมาได้ด้วยตนเองตามต้องการ ตัวเข็มแบบเทเลสโคปิกนั้นประกอบขึ้นจากวัสดุไทเทเนี่ยมที่ถูกตัดด้วยเทคโนโลยีล่าสุดที่นำน้ำและไนโตรเจนมาใช้ในกระบวนการตัดซึ่งทำให้ได้ค่าความแม่นยำของชิ้นส่วนสูงที่สุด โดยแต่ละชิ้นจะถูกนำมายึดเข้าด้วยกันด้วยรีเว็ทซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องพิถีพิถันและตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้จุดยึดสามารถขยับยืดหดได้อย่างไร้การติดขัด

ลักษณะดั้งเดิมของนาฬิกาโบราณทั้งด้านตัวเรือนและเข็มที่ได้กล่าวมานี้ ถูกแต่งแต้มด้วยดีไซน์ต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาฬิกา PARMIGIANI FLEURIER เข้าไปอย่างกลมกลืน เช่น ขาตัวเรือนทรงหยดน้ำทั้งสี่ซึ่งถูกออกแบบให้มีลักษณะเรียวยาวเข้ากับทรงของตัวเรือนได้เป็นอย่างดี รูปทรงของหลักชั่วโมงและฟอนท์เลขอารบิก ตลอดจนช่องหน้าต่างแสดงวันที่ทรงโค้ง ที่เมื่อเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นนาฬิกาของแบรนด์นี้ 

การขับเคลื่อนนาฬิกาเป็นหน้าที่ของกลไกแบบพิเศษ ซึ่งได้นำเอากลไกไขลาน Calibre PF110 ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง บาร์เรลคู่ กำลังสำรอง 8 วัน ที่ใช้ในรุ่น Kalpa Hebdomadaire มาเพิ่มเติมโมดูลที่สร้างขึ้นสำหรับควบคุมการยืด-หดของเข็มไทเทเนี่ยมที่ทำอโนไดซ์ให้เป็นสีน้ำเงินเข้าไป โดยให้ชื่อใหม่ว่า Calibre PF111 กวาดบอกเวลาชั่วโมงกับนาทีบนพื้นหน้าปัดสีเงินตกแต่งลายบาร์เล่ย์เกรน โดยมีหลักชั่วโมงต่างๆ เป็นวัสดุสตีลเคลือบพีวีดีสีน้ำเงิน ขณะที่ฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองนั้นจะใช้สีน้ำเงินบนจานดิสก์แสดงผ่านช่องหน้าต่างที่ฉลุเป็นทรงมาตรแสดงกำลัง 

Ovale Pantographe ชุดแรก มีออกมาให้เลือกทั้งในแบบตัวเรือนโรสโกลด์และแบบตัวเรือนไวท์โกลด์ที่ถูกขัดเงาอย่างสวยงามโดยมีขนาดอยู่ที่ 45 x 37.6 มิลลิเมตร และหนา 12.2 มิลลิเมตร ฝาหลังของตัวเรือนถูกกรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ทรงตอนโนขนาดใหญ่เพื่อให้มองเห็นสวอน-เน็ค เรกูเลเตอร์ และงานขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟอันสวยงามบนตัวเพลทได้อย่างเต็มที่ สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้ที่ผลิตโดย Hermes 

Ovale Tourbillon ผนวกความสูงส่งด้วยกลไกตูร์บิยอง 30 วินาที

นอกจาก Ovale Pantographe แล้ว ยังมีนาฬิกา Ovale อีกรุ่นหนึ่งซึ่งมีระดับที่สูงกว่าออกมาพร้อมกันด้วยในชื่อรุ่นว่า Ovale Tourbillon ที่มาในตัวเรือนโรสโกลด์หรือไวท์โกลด์พร้อมฝาหลังกรุแซฟไฟร์ในแบบและขนาดเดียวกันเป๊ะ โดยผลิตในจำนวนจำกัดเพียงชนิดตัวเรือนละ 30 เรือนเท่านั้น ทำงานด้วยกลไกไขลานฉลุสเกเลตันพร้อมตูร์บิยองแบบหมุนครบรอบใน 30 วินาที Calibre PF501 ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง บาร์เรลคู่ กำลังสำรอง 7 วัน ซึ่งมีนาฬิกาจากเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ใช้ตูร์บิยองแบบ 30 วินาทีเช่นนี้ บอกเวลาด้วยเข็มทรงเดลต้าแต้มสารเรืองแสงตามแบบฉบับของแบรนด์ พร้อมให้เข็มวินาทีมาด้วย และมีเข็มแสดงกำลังสำรองติดตั้งอยู่ใต้ตำแหน่ง 12 นาฬิกา 

สำหรับพื้นหน้าปัดของ Ovale Tourbillon นั้น ในแบบตัวเรือนไวท์โกลด์จะใช้เป็นงานขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟพร้อมหลักชั่วโมงสีเงินในรูปแบบเฉพาะตัวโดยเป็นแบบแท่งเรียวยาวและมีเลขอารบิกอยู่ที่ 12 นาฬิกา ส่วนในแบบตัวเรือนโรสโกลด์จะใช้หน้าปัดเปลือกหอยมุกสีดำขัดเงา ร่วมกับหลักชั่วโมงแบบแท่งสีทอง ทั้งคู่จะเปิดช่องขนาดใหญ่ให้เห็นตูร์บิยองพร้อมบริดจ์กันแบบเต็มๆ ต่อเนื่องกับช่องขนาดใหญ่ทรงคล้ายเลข 8 ที่เปิดให้เห็นเพลทขัดลายซึ่งฉลุสเกเลตันให้เห็นวีลที่อยู่ภายในอันเป็นอีกหนึ่งดีไซน์ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของแบรนด์ สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้ที่ผลิตโดย Hermes เช่นเคย 

เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยดีไซน์อันโดดเด่นและแตกต่างของนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่นี้ เมื่อผนวกกับคุณสมบัติทั้งในด้านการผลิตและความเยี่ยมยอดของกลไกอันเป็นจุดเด่นของ PARMIGIANI FLEURIER แล้ว ย่อมจะต้องเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ที่พิสมัยนาฬิกาหรูสไตล์คลาสสิกอย่างแน่นอน

By: Viracharn T.