‘PAM GOES GREEN’ PANERAI หน้าเขียว บูติกเอดิชั่น คอลเลคชั่นใหม่ปี 2017

 

ปี 2017 นี้ แบรนด์นาฬิกาทรงเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอย่าง PANERAI ได้สร้างสิ่งแปลกใหม่ในรูปแบบที่น่าจะถูกใจใครหลายคน นั่นก็คือการเล่นกับสีของหน้าปัดกันอีกครั้ง (หลังจากที่เคยออกนาฬิกาหน้าปัดสีน้ำเงินลายซันบรัชด์มา 4 รุ่นเมื่อปี 2016) โดยออกนาฬิการุ่นใหม่มา 3 รุ่น ซึ่งทั้งสามจะมากับหน้าปัดโครงสร้างแบบแซนด์วิชที่ใช้พื้นหน้าปัดเป็นโทนสีเขียวแก่ผิวด้าน ซึ่งตัดกับสีเบจของสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า ที่เคลือบอยู่ ณ ตำแหน่งของหลักชั่วโมงกับสเกลบนพื้นหน้าปัดชิ้นล่าง และเข็มสีทองพร้อมสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า สีเบจ ร่วมด้วยข้อความต่างๆ บนหน้าปัดที่เป็นสีเบจเช่นเดียวกัน ได้อย่างดีงาม ทั้งยังมากับสายหนังวัวสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติ (ซึ่งเรียกว่า Calf Ponte Vecchio) ที่เย็บตะเข็บด้วยด้วยสีเบจและประทับโลโก้ OP เด่นเป็นสง่าอยู่บนสายด้วย

 

นาฬิกาหน้าปัดเขียวทั้ง 3 รุ่นนี้ กระจายออกเป็นนาฬิกา PANERAI แบบยอดนิยม 3 แบบ ที่ใช้ตัวเรือนกับกลไกต่างกัน ซึ่งก็สร้างขึ้นจากพื้นฐานของรุ่นที่มีอยู่แล้ว อันได้แก่ Radiomir 8 Days ตัวเรือนไทเทเนี่ยมขนาด 45 มม. กลไกกำลังสำรอง 8 วันพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ รหัส PAM735 ซึ่งสร้างขึ้นจากพื้นฐานของ PAM346, Radiomir 1940 3 Days ตัวเรือนสตีลขนาด 47 มม. กลไกกำลังสำรอง 3 วัน พร้อมฟังก์ชั่นวันที่ รหัส PAM736 ซึ่งสร้างขึ้นจากพื้นฐานของ PAM514 และ Luminor 1950 Chrono Monopulsante 8 Days GMT ตัวเรือนไทเทเนี่ยมขนาด 44 มม. กลไกโครโนกราฟแบบปุ่มกดเดียว พร้อมฟังก์ชั่นจีเอ็มที กำลังสำรอง 8 วัน ซึ่งสร้างขึ้นจากพื้นฐานของ PAM311

 

 

PAM735 8PAM736 7PAM737 7

 

 

PANERAI หน้าปัดสีเขียวทั้ง 3 รุ่นนี้เป็นนาฬิกาแบบ “บูติก เอดิชั่น” ซึ่งจะมีจำหน่ายเฉพาะที่บูติกของ PANERAI เท่านั้น โดยในเว็บไซต์ของ Panerai นั้นไม่ได้ระบุว่าผลิตขึ้นจำนวนรุ่นละกี่เรือน แต่ในเว็บไซต์ของสื่อนาฬิกาต่างประเทศระบุไว้ว่า PAM735 นั้นผลิตขึ้น 250 เรือน ส่วน PAM736 นั้นผลิตขึ้น 300 เรือน และ PAM737 นั้นผลิตขึ้นแค่ 200 เรือน

 

 

PAM00735

 

RADIOMIR 8 DAYS TITANIO 45mm

 

PAM735 รุ่นนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบความคลาสสิกสไตล์ PANERAI แบบเดิมๆ เพราะใช้ตัวเรือนแบบ Radiomir ขนาด 45 มม. รูปแบบดั้งเดิมที่คุ้นเคยกันมานานซึ่งเท่ด้วยขาตัวเรือนแบบห่วงหูกระทะ และเม็ดมะยมทรงโคนเม็ดโต แต่เพิ่มความน่าสนใจด้วยการใช้ตัวเรือนวัสดุไทเทเนี่ยมขัดลาย ซึ่งให้มุมมองที่แตกต่างไปจากการขัดเงาวาวของวงขอบตัวเรือนได้อย่างน่าชม และบนกระจกหน้าปัดก็มีกระจกขยายทรงกลมติดตั้งมาบริเวณช่องหน้าต่างวันที่ด้วย ส่วนคุณสมบัติการกันน้ำของรุ่นนี้จะอยู่ที่ระดับ 100 เมตร

 

 

PAM735 7

 

PAM735 1

 

PAM735 4

 

PAM735 10

 

PAM735 12

 

 

ส่วนกลไกกำลังสำรอง 8 วัน ที่ใช้กับรุ่นนี้จะเป็นกลไกอินเฮ้าส์ ขึ้นลานด้วยมือ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง คาลิเบอร์ P.2002/9 ที่นอกจากมากับฟังก์ชั่นแสดงวินาทีด้วยเข็มขนาดเล็ก และฟังก์ชั่นแสดงวันที่แล้ว ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองด้วยเข็มสีน้ำเงินที่ติดตั้งอยู่บนตัวเครื่อง โดยสามารถมองเห็นได้เต็มๆ ผ่านกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง และก็ต้องย้ำถึงจุดเด่นของกลไกเครื่องนี้อีกครั้งว่ามันมาพร้อมกับฟังก์ชั่นรีเซ็ตเข็มวินาทีไปที่ 0 ขณะตั้งเวลา เพื่อให้สามารถตั้งเวลาได้อย่างแม่นยำที่สุด และเพิ่มความสะดวกในการตั้งเวลาด้วยระบบที่ทำให้สามารถปรับตั้งเข็มชั่วโมงได้ทั้งสองทิศทางโดยไม่รบกวนการทำงานของเข็มนาที ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่นักเดินทางชื่นชอบเป็นพิเศษ

 

 

PAM00736

 

RADIOMIR 1940 3 DAYS ACCIAIO 47mm

 

สำหรับรุ่นนี้ จะมากับอีกรูปแบบหนึ่งของตัวเรือนทรงประวัติศาสตร์สำหรับมนุษย์กบคอมมานโดแห่งกองทัพเรืออิตาลีที่ PANERAI เพิ่งนำกลับมาสร้างขึ้นใหม่ และให้ชื่อว่า Radiomir 1940 โดยใน PAM736 นี้ พวกเขาเลือกให้เป็นวัสดุสตีลขัดเงา ในขนาด 47 มม. ใหญ่สะใจคนชอบนาฬิกาเรือนโต แต่ใช้กระจกแซฟไฟร์ขอบโค้งที่ดูละมุนละไม ซึ่งลดทอนความรู้สึกแข็งกร้าวบึกบึนให้อยู่ในระดับพอเหมาะ โดยสามารถกันน้ำได้ถึงระดับ 100 เมตร

 

 

PAM736 6

 

 

PAM736 3

PAM736 4

 

PAM736 8

 

 

กลไกที่ใช้กับรุ่นนี้ เป็นกลไกอินเฮ้าส์ ขึ้นลานด้วยมือ กำลังสำรอง 3 วัน ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง คาลิเบอร์ P.3000 ที่มาพร้อมกับเข็มวินาทีขนาดเล็กและฟังก์ชั่นวันที่ กลไกเครื่องนี้เป็นกลไกขนาดใหญ่ที่จงใจสร้างให้เป็นไซส์เดียวกับกลไกที่ใช้กับนาฬิกา PANERAI ในสมัยอดีต โดยสามารถชมความสวยงามได้ผ่านกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง จุดเด่นของกลไกเครื่องนี้ก็คือมีระบบที่สามารถปรับตั้งเข็มชั่วโมงไปข้างหน้าแบบจังหวะละ 1 ชั่วโมง โดยไม่รบกวนเข็มนาทีได้ ซึ่งสะดวกในการปรับเวลาขณะเดินทางไปต่างไทม์โซน

 

 

PAM00737

 

LUMINOR 1950 CHRONO MONOPULSANTE8 DAYS GMT TITANIO 44mm

 

รุ่นนี้เป็นนาฬิกาที่อุดมฟังก์ชั่นที่สุดในหมู่หน้าปัดเขียว 3 รุ่นที่ออกมาพร้อมกัน ซึ่งนอกจากมันจะเป็นกลไกโครโนกราฟระบบคอลัมน์วีลและเวอร์ติคัลคลัตช์ จับเวลาได้ 30 นาที ที่เด่นด้วยการขยับเข็มนาทีจับเวลาแบบจัมปิ้งเพื่อให้อ่านค่าได้อย่างแม่นยำแล้ว และสั่งการจับเวลาทั้งหมดด้วยปุ่มกดเพียงปุ่มเดียวบริเวณตำแหน่ง 8 นาฬิกาแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นจีเอ็มที สำหรับแสดงเวลาที่สองด้วยเข็ม 12 ชั่วโมงสีดำ ให้อ่านค่าร่วมกับเข็ม 24 ชั่วโมงสีดำขนาดเล็กสำหรับบอกว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืนที่ติดตั้งอยู่ร่วมแกนเดียวกับเข็มวินาที อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นหยุดพร้อมรีเซ็ทเข็มวินาทีไปที่ตำแหน่ง 0 ในขณะดึงเม็ดมะยมออกมาตั้งเวลา เพื่อให้ปรับเทียบเวลาได้อย่างแม่นยำอีกต่างหาก แถมยังมีกำลังสำรองยาวนานถึง 8 วัน โดยแสดงกำลังสำรองให้รู้ด้วยเข็มสีดำที่เคลื่อนขยับตามแนวขวางอยู่บนหน้าปัดอีกด้วย ชื่อของยอดกลไกไขลาน อินเฮ้าส์ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง เครื่องนี้ก็คือ คาลิเบอร์ P.2004 นั่นเอง โดยสามารถชื่นชมความสวยงามของกลไกได้ผ่านทางกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง

 

 

PAM737 6

 

PAM737 5

 

PAM737 3

PAM737 4

 

PAM737 10

 

 

PAM737 ใช้ตัวเรือนแบบ Luminor 1950 ขนาด 44 มม. ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ กันน้ำได้ 100 เมตร ซึ่งทำจากไทเทเนี่ยมขัดลาย และใช้วงขอบตัวเรือนเป็นแบบขัดเงา ส่วนแพ็กเกจของรุ่นนี้จะให้มาเป็นกล่องไม้เชอร์รี่สีเขียว ซึ่งมีสายยางสีดำพร้อมเครื่องมือสำหรับเปลี่ยนสายให้บรรจุมาในกล่องด้วย

 

 

By Viracharn T.