iamwatch

BY ROSE PANATTHA

 

ส่งสัญญาณถึงบริบทต่อไปที่ Omega หนึ่งในผู้นำของแบรนด์ในตลาดนาฬิกาโลก ในการที่จะสร้างหน้าประวัติศาสตร์ใหม่อันยิ่งใหญ่ต่อยอดจากประวัติศาสตร์อันยิ่งยงที่มีมาแต่เดิมของ Omega ให้มั่นคงและครองความเป็นหนึ่งในตลาดต่อไปในอนาคต

 

 

By Rose Panattha

 

IAMWATCH ในฐานะของสื่อนาฬิกาจากประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญจากทาง Swatch Group ประเทศไทย ให้ไปเยือนโรงงานแห่งใหม่แห่งนี้ เป็นสื่อแรกในประเทศไทยในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าโรงงานแห่งใหม่ของ Omega แห่งนี้จะต้องมีความน่าสนใจสมกับการเป็นโรงงานผลิตแบรนด์นาฬิกาชั้นนำของโลกอย่างแน่นอน ดิฉัน โรส ปณัฏฐา ปัญญามิตร ขอนำทุกท่านเข้าสู่โรงงานนาฬิกาชั้นนำที่ทันสมัยและเพียบพร้อมมากที่สุดในโลกโรงงานหนึ่งค่ะ

 

 

 

ก้าวแรกสู่อาคาร

 

อาคารรูปทรงทันสมัยที่มีองค์ประกอบจากเหล็ก กระจก และไม้ ที่สามารถมองเห็นท่อนไม้จำนวนมากที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของตัวอาคารได้อย่างชัดเจน ความอบอุ่นของสถานที่ จึงเป็นสิ่งที่สัมผัสได้เป็นอย่างแรกหลังจากก้าวเข้าสู่อาคารแห่งนี้ ซึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่าความที่อาคารชั้นล่างนี้มีช่วงระยะเพดานที่สูง ผนวกกับการเลือกใช้ไม้เป็นองค์ประกอบสำคัญบนผนังและเพดาน ทำให้อาคารชั้นล่างแห่งนี้ดูโปร่งตาและมีความเป็นกันเองสูง ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณ Mr.Shigeru Ban ผู้ซึ่งเป็นนักออกแบบของอาคารแห่งนี้ และเคยฝากผลงานระดับมาสเตอร์พีชในอาคารต่างๆ ทั่วโลกมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Paper Church ในเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น (1995), Japan Pavilion ในงาน Expo 2000 ที่เมือง Hannover ประเทศเยอร์มันนี (2005) และที่แน่นอนเลยก็คือ Nicolas G. Hayek Center ในเมืองโตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น (2007) ที่หลายคนคงต้องเคยเห็นกันแน่นอน

 

 

 

   

  

ซึ่งนอกจากความสวยงามภายนอกที่มองเห็นกันได้แล้ว Mr.Shigeru ยังออกแบบอาคารหลังนี้ตามปรัชญาของ Omega ได้อย่างลุ่มลึกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความพิเศษทางด้านโครงสร้างของสถาปัตยกรรมอาคาร จนไปถึงรายละเอียดของส่วนประกอบของโครงสร้างที่ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรองรับน้ำหนักอย่างเช่นสลักไม้ที่เป็นจุดยึดและข้อต่อของท่อนไม้สองด้านที่มาบรรจบเข้าด้วยกันและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในเกือบทุกมุมและทุกชั้นของอาคาร นอกจากนี้จากประสบการณ์การหลอมรวมแนวคิดอันทันสมัยทางวัฒนธรรมของตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน ยังทำให้ผลงานการออกแบบของ Mr.Shigeru มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นอย่างแตกต่างจากอาคารอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่า ไม้ทั้งหมดที่ใช้ในอาคารแห่งนี้จะเป็นไม้ที่มาจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์เท่านั้น และด้านหน้าภายนอกอาคารยังมีแอ่งน้ำซึ่งจะถูกนำมาใช้เพื่อลดความร้อนหรือเพิ่มความเย็นภายในอาคารในแต่ละช่วงเวลาได้อีกด้วย จึงจะเห็นได้ว่าองค์ประกอบการออกแบบทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงามที่มองเห็นได้ แต่จะมีความหมายไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่จำเป็นต่อตัวอาคาร การประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานด้านต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้เกิดสภาวะแวดล้อมในตัวอาคารที่เหมาะสมที่สุด

 

      

 

 

 

 

เทคโนโลยีสูงสุด

หลายปัญหาที่โรงงานนาฬิกาหลายแห่งมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสต็อคอะไหล่ การตรวจสอบใบรับประกันให้ตรงกับตัวเรือน หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดอะไหล่ต่างๆ เพื่อนำมาประกอบเป็นเรือนในแต่ละรุ่น ให้กับแต่ละแผนกจนสำเร็จเป็นตัวเรือน ต่างก็เป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขได้ยาก จนกระทั่งมาถึงการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาใช้แก้ปัญหากับโรงงาน Omega แห่งนี้อย่างที่เราอาจเคยได้เห็นภาพของแขนหุ่นยนต์ที่คอยทำงานด้านต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่วในภาพยนตร์ไซไฟจากฮอลลีวูด

 

 

ท่ามกลางห้องทำงานที่แวดล้อมด้านนอกของอาคาร จะมีห้องสต็อคที่สูงระดับตึก 3 ชั้น พร้อมกล่องสต็อคของอะไหล่ชิ้นต่างๆ จำนวนมากมาย เรียงรายและรอคอยการมาหยิบจับของแขนยนต์ที่ทำงานด้วยความเร็วระดับ 4 เมตรต่อวินาที ทำหน้าที่คอยรับคำสั่งและคอยหยิบกล่องสต็อคของอะไหล่ชิ้นต่างๆ เหล่านี้ตามคำสั่ง โดยสามารถวิ่งทั้งแนวตั้งและแนวดิ่งได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ “ด้วยแขนยนต์นี้ ปัญหาเรื่องความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็จะหมดไป เพราะแขนยนต์เหล่านี้จะทำงานตามคำสั่ง โดยคำสั่งเหล่านี้จะถูกป้อนไว้อย่างแม่นยำล่วงหน้าแล้ว ผู้ใช้งานเพียงแค่คอยดูคำสั่งงานจากภายนอก และเลือกอะไรก็ตามที่อยากได้ โดยไม่ต้องคอยมาพะวงและตรวจสอบอีกครั้งว่าอะไหล่เหล่านี้จะถูกต้องตามสเปกที่ต้องการหรือไม่” เจ้าหน้าที่ของทางโรงงานพูดกับเรา “มีคนเคยสงสัยว่าทำไมชิ้นส่วนเหล่านี้ถึงมีปัญหาเหล่านี้ด้วย ผมต้องบอกว่าคุณคงไม่เคยเห็นชิ้นส่วนบางชิ้นที่คล้ายกันมากจนตาเรามองไม่เห็น ปัญหาเรื่องชิ้นส่วนอะไหล่นับแสนชิ้นที่เรามี หรือแม้แต่ปัญหาเรื่องการสูญหายที่อาจเกิดขึ้นได้จากความผิดพลาดของมนุษย์ ซึ่งท้ายสุดเราจะไปค้นพบที่ในช่วงท้ายๆ ไม่ว่าจะเป็นขณะตรวจสอบคุณภาพ หรือแม้บางครั้งไปถึงมือของลูกค้าแล้วก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหามาอย่างยาวนานของวงการนาฬิกาเรา” เจ้าหน้าที่ของโรงงานพูดเสริม

 

 

 

นอกจากระบบแขนยนต์ที่ทำหน้าที่ในการรับคำสั่งและเลือกชิ้นส่วนต่างๆ ให้แล้ว ยังมีระบบขนส่งภายในด้วยสายพาน ที่จะทำหน้าที่ในการลำเลียงชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อนำมาประกอบเข้าด้วยกันผ่านแผนกต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงจบกระบวนการทางการผลิต ซึ่งนั่นหมายถึงว่าการทำงานด้วยมนุษย์และหุ่นยนต์ถูกผนวกเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสมที่สุด “เราไม่คิดว่าการใช้หุ่นยนต์อย่างเดียวจะเป็นความเหมาะสมที่สุดของภาคการผลิต เราเชื่อเสมอว่านาฬิการะดับสูงยังคงต้องการความละเอียดอ่อนและความรู้สึกของมนุษย์ในการหยิบ จับ มอง และสัมผัสถึงสิ่งที่ควรจะเป็น ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือมนุษย์ และทำให้มนุษย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” เจ้าหน้าที่ท่านเดิมกล่าวสรุปถึงเรื่องที่เป็นหนึ่งในปรัชญาของ Omega

 

  

 

 

พลังคน

สำหรับ Omega แล้ว คำว่า Swiss Made ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ชิ้นส่วนต่างๆ ที่นำเข้ามาประกอบเข้าด้วยกัน แต่ Omega จะหมายรวมไปถึงมนุษย์ผู้ซึ่งมีความสามารถในการที่จะสร้างสิ่งพิเศษขึ้นได้ภายใต้บริบทของ Omega เพื่อให้ Omega สามารถเป็นนาฬิกาที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการผลิตสำหรับ Omega แล้วนั้น ก็คือมนุษย์ผู้ซึ่งผ่านการฝึกฝนและควบคุมภายใต้กฎเกณฑ์ที่เหมาะสม อย่างที่ทุกคนจะได้เห็นเมื่อเดินเข้าไปในอาคาร ภาพของช่างนาฬิกาแผนกต่างๆ ต่างก็ขะมักขะเม้นกับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเรื่องนี้ก็มาจากกระบวนการสร้างโครงสร้างการทำงานที่เหมาะสม ตั้งแต่โต๊ะทำงานแผนกต่างๆ ที่จะถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับแผนกนั้นๆ และช่างคนนั้นๆ โดยเฉพาะ ซึ่งรวมไปถึงท่านั่งในการทำงาน เก้าอี้ อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ใกล้มือ รวมถึงขจัดเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นออกไปที่แทบจะเรียกได้ว่าการจัดวางทุกอย่างจะเป็นเฉพาะช่างในแต่ละโต๊ะทำงานทีเดียว ซึ่งนอกจากนี้ ยังมีเรื่องของระบบหมุนเวียนอากาศ ระบบการขจัดฝุ่นละอองและผง ที่ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของกลไกต่างๆ รวมไปถึงระบบการเข้าออกของห้องต่างๆ และระบบการอ่านคำสั่งการทำงานที่รวมทั้งระบบแสงส่องสว่างเพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานด้านต่างๆ อีกด้วย

 

 

 

 

 

 

 

   

METAS การันตีเหนือการันตี

แรงแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นหนึ่งในปัญหาของนาฬิกาในยุคปัจจุบันที่แน่นอนว่าในอดีต เราคงไม่ได้พกพาอุปกรณ์ที่นำพาสื่อเหล่านี้มากมายเช่นวันนี้ ยกตัวอย่างเช่นอุปกรณ์หลักในชีวิตประจำวันของเราอย่างโทรศัพท์ส่วนบุคคลที่ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของกลไกในการที่จะทำให้กลไกเหล่านั้นทำงานอย่างผิดเพี้ยนไปตามคลื่นของแรงแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ดังนั้น Omega จึงนำเสนอใบการันตีที่จะแจ้งให้กับลูกค้าได้รู้ว่านาฬิกาของตัวเองนั้นผ่านมาตรฐานการทำงานในระดับ Master Chronometer Certificate ที่เหนือกว่าระดับ Chronometer ทั่วๆ ไป นอกจากนี้ Omega ยังสร้างห้องทำงานพร้อมแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ไว้ภายในโรงงานแห่งใหม่นี้ด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่จาก Swiss Federation สามารถเข้าทำการตรวจสอบเรือนนาฬิกาที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเหล่านี้ได้อย่างอิสระ นับเป็นมาตรฐานที่สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งของ Omega ที่จะนำพาให้ Omega เป็นนาฬิกาที่ดีที่สุดได้อย่างมั่นคงในอนาคต

 

 

 

 

 

 

       

โรงงานแห่งใหม่นี้ จะเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ Omega ตั้งแต่ที่ Louis Brandt & Fils ย้ายฐานการผลิตมาที่เมืองเบียนแห่งนี้ โรงงานที่ซึ่งทุกวันนี้รู้จักกันในนามของ Omega และปักหลักอยู่ ณ ที่แห่งนี้มายาวนานร้อยกว่าปี และดิฉัน มั่นใจเหลือเกินว่า หากใครได้มาเยือนโรงงานแห่งนี้ซักครั้ง จะต้องทึ่งถึงเทคโนโลยี ความอบอุ่น และความยิ่งใหญ่ด้านการผลิต ที่จะตอกย้ำความเป็นผู้นำของ Omega ในฐานะแบรนด์นาฬิกาที่ดีที่สุดในโลกได้ต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณ บริษัท สว็อชกรุ๊ปเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ที่อำนวยความสะดวกในการเข้าชมโรงงานในครั้งนี้