SIHH 2018 - เรียงหน้ากระดานย้อนยุค (อีกแล้ว) กับคอลเลคชั่นใหม่จากตระกูล 1858 ของ MONTBLANC
ก่อนมาทำความรู้จักกับรุ่นใหม่ปี 2018 ของคอลเลคชั่น 1858 กัน เรามาย้อนความกันสักนิดว่าคอลเลคชั่น 1858 ของ MONTBLANC นั้นเป็นอย่างไร... คอลเลคชั่น 1858 เป็นนาฬิกาสไตล์สปอร์ตดีไซน์วินเทจที่นำแรงบันดาลใจมาจากบรรดานาฬิกาที่ Minerva (ซึ่ง MONTBLANC เข้าซื้อกิจการโรงงานแห่งนี้และเข้าดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2007 แล้ว และตัวเลข 1858 ที่ใช้เป็นชื่อรุ่นก็คือ ปีก่อตั้งของโรงงานแห่งนี้) เคยสร้างขึ้นมาในอดีต โดยทางแบรนด์ก็ได้เคยนำเสนอออกมาบ้างแล้วโดยเริ่มจากรุ่นโครโนกราฟแบบโมโนพุชเชอร์ ที่ออกมาเป็น ลิมิเต็ด เอดิชั่น กันหลายรอบแล้วโดยเริ่มตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมาซึ่งก็ถือเป็นรุ่นบุกเบิกของคอลเลคชั่นนี้ (ซึ่งก็เป็นรุ่นที่นำไปทำเป็นนาฬิกายูนีกพีซเรือนพิเศษเพื่อออกประมูลในรายการ ONLY WATCH 2017 ที่เพิ่งผ่านมาด้วย) จากนั้นก็ต่อด้วยรุ่นสองเข็มกับรุ่นดูอัลไทม์ที่เพิ่งออกมาเมื่อปี 2017 และมาถึงปีนี้ก็ออกรุ่นใหม่มาเพิ่มเติมอีกหลายรุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่นกลไกอัตโนมัติ สองเข็ม ที่ออกมาเป็น เอ็นทรี่-เลเวล ของคอลเลคชั่น, รุ่นกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ หน้าปัดย่อยสองวง, รุ่นดูอัลไทม์พร้อมเวิลด์ไทม์แสดงเวลาของทั้งโลกฝั่งเหนือและโลกฝั่งใต้ และรุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น อีก 2 รุ่น คือ 1858 Monopusher Chronograph Limited Edition 100 ซึ่งเป็นนาฬิกาข้อมือ กับรุ่น 1858 Pocket Watch Limited Edition 100 ที่เป็นนาฬิกาพกกลไกโครโนกราฟแบบโมโนพุชเชอร์ มาดูรายละเอียดไล่เรียงกันไปแต่ละรุ่นเลยนะครับ
ดีไซน์โค้ด ร่วมคอลเลคชั่น
นาฬิกาทุกรุ่นในคอลเลคชั่น 1858 จะมีลักษณะดีไซน์ร่วมกันอยู่หลายอย่างซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีที่ควรจะเชื่อมโยงกันและกันเป็นครอบครัว เริ่มตั้งแต่รูปทรงของตัวเรือน เม็ดมะยมขนาดใหญ่สไตล์วินเทจ (รูปทรงของเม็ดมะยมอาจต่างกันเล็กน้อยในแต่ละรุ่น) ตลอดจนกระจกหน้าปัดแบบกล่อง และรายละเอียดบนหน้าปัด ไม่ว่าจะเป็นสเกลแบบรางรถไฟ ฟ้อนต์ของหลักชั่วโมงเลขอารบิกแบบเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าสีเบจคล้ายสีของทริเทียมเมื่อผ่านกาลเวลามายาวนาน เข็มบอกเวลาทรงคะธีดรัลพร้อมเคลือบสารเรืองแสงสีเบจ และโลโก้ MONTBLANC แบบวินเทจ
1858 Automatic
สำหรับรุ่น 1858 Automatic สองเข็มที่ออกมาใหม่ในปีนี้ ถ้าดูแต่ในภาพอาจไม่รู้สึกว่ามันต่างอะไรกับรุ่น 1858 Automatic ที่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว เพราะดีไซน์ของทั้งตัวเรือนและรายละเอียดบนหน้าปัดสีดำก็เหมือนกัน ตัวเรือนก็เป็นสตีลขัดลายที่มีขอบตัวเรือนกับเม็ดมะยมเป็นวัสดุบรอนซ์เหมือนกัน สายก็เป็นหนังวัวสีน้ำตาลคอนยัคสไตล์วินเทจเหมือนๆ กันอีก นอกจากว่ามีรุ่นหน้าปัดสีแชมเปญรมควัน พร้อมเข็มสีทอง มาให้เลือกเพิ่มเติมอีกแบบหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วรุ่นที่ออกมาใหม่ในปีนี้มีขนาดตัวเรือนที่เล็กกว่าครับ คือแค่ 40 มม. กับความหนา 11.07 มม. ที่กันน้ำได้ 100 เมตร แล้วก็มีแบบที่คู่กับสายผ้าแบบนาโต้สีดำมาเป็นทางเลือกด้วย (รุ่นปี 2017 เป็นขนาด 44 มม. หนา 11.1 มม.) ซึ่งจริงๆ ขนาดใหม่นี้ก็เหมาะกับการเป็นนาฬิกาข้อมือวินเทจมากกว่านะครับ เพราะ 44 มม. ดูจะใหญ่เกินไป
กลไกที่ใช้กับรุ่นนี้เป็นแบบขึ้นลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ MB 24.15 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ที่ให้กำลังสำรองได้ 38 ชั่วโมง แสดงเวลาแค่ 2 เข็ม ซึ่งไม่ใช่กลไกอินเฮ้าส์ ดังนั้นทางแบรนด์จึงยังคงเลือกที่จะใช้ฝาหลังแบบแผ่นทึบ แต่แทนที่จะสลักเป็นภาพโรงงาน Minerva เอาไว้เหมือนกับรุ่นตัวเรือนไซส์ใหญ่ปี 2017 กลับใช้เป็นภาพภูเขาและมีภาพวงเข็มทิศล้อมรอบโลโก้ของแบรนด์แทน แต่เรื่องสำคัญที่ต้องบอกอีกอย่างก็คือ ราคาที่ตั้งเอาไว้เพียง 2,490 ยูโร ซึ่งต่ำกว่ารุ่นไซส์ 44 มม. ถึง 1,000 ยูโร เลยทีเดียว (รุ่นไซส์ 44 มม. ราคา 3,490 ยูโร)
ราคา 2,490 ยูโร
1858 Automatic Chronograph
สำหรับรุ่นกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟนี้ เป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาในตระกูล 1858 โดยตั้งใจออกแบบให้มีลักษณะหน้าปัดที่เรียบง่ายสะอาดตา เห็นได้จากการตั้งใจให้มีวงหน้าปัดขนาดเล็ก (ที่ไม่เล็ก) อยู่เพียง 2 วง ซึ่งวงขวาจะเป็นเข็มจับเวลา ส่วนวงซ้ายจะเป็นเข็มวินาที โดยหน้าปัดทั้งสองนี้จะล้อมด้วยสเกลแบบรางรถไฟที่ช่วยเสริมความคลาสสิกดีให้กับนาฬิกาได้มากอยู่ ส่วนดีไซน์ของปุ่มกดนั้นจะมีขนาดใหญ่และเป็นลักษณะแบบแป้นสไตล์วินเทจ
กลไกที่ใช้กับรุ่นนี้เป็นแบบขึ้นลานอัตโนมัติฟังก์ชั่นโครโนกราฟ จับเวลา 30 นาที คาลิเบอร์ MB 25.11 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 48 ชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่กลไกอินเฮ้าส์ ทาง MONTBLANC จึงมอบฝาหลังแบบแผ่นทึบที่สลักภาพแบบเดียวกับรุ่น Automatic และ Geosphere ที่เปิดตัวมาพร้อมกัน
ตัวเรือนของรุ่นนี้จะมากับขนาด 42 มม. หนา 14.55 มม. ที่กันน้ำได้ 100 เมตร โดยมีให้เลือกทั้งแบบตัวเรือนวัสดุสตีล คู่หน้าปัดสีดำ เข็มเวลาสีเงิน และเข็มจับเวลากับเข็มขนาดเล็กสีขาว จับคู่กับสายหนังวัวแบบวินเทจสีน้ำตาลคอนยัค หรือสายผ้าแบบนาโต้สีดำลายเทา ให้อารมณ์สุขุม และแบบตัวเรือนวัสดุบรอนซ์ ฝาหลังไทเทเนี่ยมเคลือบสีบรอนซ์ หน้าปัดสีแชมเปญรมควัน เข็มสีทอง คู่กับสายหนังวัวแบบวินเทจสีน้ำตาลคอนยัค ที่ให้อารมณ์หรูสง่ากว่ากัน ซึ่งเท่ากับว่ามันต่างบุคลิกกันอย่างสิ้นเชิง
ราคา 3,990 ยูโร สำหรับเวอร์ชั่นตัวเรือนสตีล ; 4,690 ยูโร สำหรับเวอร์ชั่นตัวเรือนบรอนซ์
1858 Geosphere
นาฬิการุ่นใหม่เอี่ยมที่เพิ่มเติมความหลากหลายให้กับตระกูล 1858 รุ่นนี้ เป็นนาฬิกาฟังก์ชั่นดูอัลไทม์โซน แสดงเวลาได้ 2 ไทม์โซน พร้อมฟังก์ชั่นดูอัลเวิลด์ไทม์ ที่มีลักษณะการแสดงค่าต่างออกไปจากนาฬิกาฟังก์ชั่นดูอัลไทม์หรือเวิลด์ไทม์ทั่วๆ ไป เพราะนอกจากวงหน้าปัดขนาดเล็กตำแหน่ง 9 นาฬิกาที่ใช้สำหรับแสดงค่าชั่วโมงแบบ 12 ชั่วโมงของอีกไทม์โซนหนึ่งแล้ว ยังมีจานดิสก์ทรงโค้งขนาดค่อนข้างใหญ่ซึ่งทำเป็นลักษณะของลูกโลกอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา กับ 6 นาฬิกา อีก 2 วง โดยจะเป็นแผนที่แสดงซีกโลกฝั่งเหนือ กับซีกโลกฝั่งใต้ ที่จะเคลื่อนหมุนให้ทราบเวลาโดยคร่าวๆ ของประเทศต่างๆ จากการอ่านค่าจากเส้นแวงของจานลูกโลกบนขอบสเกลเวลา 24 ชั่วโมงที่ขอบลูกโลกซึ่งแยกเป็นพื้นสีเงิน-ดำ สำหรับกลางวัน-กลางคืน เอาไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งคล้ายกับเป็นฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์ที่แยกการบอกเวลาฝั่งโลกเหนือกับฝั่งโลกใต้ออกจากกัน (อีกทั้งยังเพิ่มรายละเอียดด้วยการแต้มจุดสีแดงบนแผนที่ ณ จุดสูงสุดของทวีปทั้ง 7 และมีการเคลือบเส้นแวงด้วยสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า ด้วย) นอกจากนี้ยังติดตั้งวงขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ 2 ทิศทาง ซึ่งปรากฏอักษรและมาร์กแบบเข็มทิศอยู่บนพื้นวงแหวนเซรามิกสีดำเพื่อใช้ในการคำนวณหาทิศได้ด้วย
ฟังก์ชั่นแสดงเวลาในลักษณะเวิลด์ไทม์ด้วยลูกโลกแบบ จีโอสเฟียร์ เช่นนี้ เคยปรากฏมาแล้วเมื่อปี 2015 กับนาฬิการะดับสูงกลไกตูร์บิยองอินเฮ้าส์ในคอลเลคชั่น Villeret ของ MONTBLANC ซึ่งผลิตที่โรงงาน Minerva แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับนาฬิการะดับทั่วไป สำหรับกลไกที่ใช้กับรุ่น 1858 Geosphere นี้ เป็นแบบขึ้นลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ MB 29.25 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง ส่วนการแสดงเวลาปกตินั้นจะเป็นแบบสองเข็ม และมีฟังก์ชั่นวันที่มาให้ด้วย โดยแสดงผ่านช่องหน้าต่างที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และด้วยความที่มันไม่ใช่กลไกอินเฮ้าส์ ทาง MONTBLANC จึงใช้ฝาหลังแบบแผ่นทึบที่สลักตกแต่งมาแบบเดียวกับรุ่น 1858 Automatic กับรุ่น 1858 Automatic Chronograph ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกัน
1858 Geosphere ใช้ตัวเรือนขนาด 42 มม. หนา 12.8 มม. กันน้ำได้ 100 เมตร เปิดตัวมาพร้อมกัน 2 เวอร์ชั่น คือ เวอร์ชั่นตัวเรือนสตีล ซึ่งเป็นโปรดักชั่นปกติ และเวอร์ชั่นตัวเรือนบรอนซ์ ที่ฝาหลังเป็นไทเทเนี่ยมทำสีบรอนซ์ ซึ่งเป็นการผลิตแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ในจำนวนจำกัด 1,858 เรือน ทั้ง 2 เวอร์ชั่นมากับหน้าปัดสีดำที่มีขอบหน้าปัดเป็นสีเงิน โดยจะมีให้เลือกจับคู่กับสายแบบแถบคาดข้อมือวัสดุหนังวัวสีน้ำตาลสไตล์วินเทจที่ผลิตโดยโรงงานเครื่องหนัง MONTBLANC ในอิตาลี หรือสายหนังวัวสีคอนยัคสไตล์วินเทจ แต่เวอร์ชั่นสตีลจะมีสายสีดำแบบนาโต้ให้เลือกเพิ่มอีกแบบหนึ่งด้วย
ราคา 5,190 ยูโร สำหรับเวอร์ชั่นตัวเรือนสตีล ; 5,890 ยูโร สำหรับ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ตัวเรือนบรอนซ์
1858 Monopusher Chronograph Limited Edition 100
แม้นาฬิกาโครโนกราฟปุ่มกดเดียวของตระกูล 1858 ซึ่งเป็นการผลิตขึ้นแบบ ลิมิเต็ดเอดิชั่น จะถูกสร้างออกมาหลายเอดิชั่นแล้วนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา แต่ทาง MONTBLANC ก็ยังคงดำเนินมหากาพย์ต่อเนื่องในการสร้างนาฬิกาโครโนกราฟปุ่มกดเดียว ขึ้นมาในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นกันต่อไป หากแต่ว่าเอดิชั่นล่าสุดปี 2018 นั้น มีความแตกต่างออกไปจากรุ่นก่อนๆ อยู่หลายประการด้วยกัน
เริ่มจากชื่อที่มีการเปลี่ยนจาก 1858 Chronograph Tachymeter Limited Edition มาเป็น 1858 Monopusher Chronograph Limited Edition ; ขนาดตัวเรือนที่เล็กลง จาก 44 มม. หนา 13.15 มม. ซึ่งกันน้ำได้แค่ 30 เมตร ของรุ่นก่อนๆ มาเป็นขนาด 40 มม. หนา 12.15 มม. ที่กันน้ำได้ถึง 100 เมตร แทน ; กลไกที่แม้จะเป็นแบบไขลานโครโนกราฟ แบบโมโนพุชเชอร์ สั่งการด้วยปุ่มกดปุ่มเดียว จับเวลา 30 นาที ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง อันเป็นกลไกอินเฮ้าส์ที่ผลิตโดยโรงงาน Minerva เช่นเดียวกัน แต่ก็เปลี่ยนจาก คาลิเบอร์ MB16.29 กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง ซึ่งติดตั้งปุ่มกดร่วมกับเม็ดมะยม อันเป็นกลไกที่สร้างขึ้นตามแบบกลไกโครโนกราฟ สำหรับนาฬิกาพกที่ Minerva สร้างขึ้นในยุคทศวรรษที่ 1930 มาเป็น คาลิเบอร์ MB13.21 กำลังสำรอง 55 ชั่วโมง ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับที่เคยใช้ในรุ่น Meisterstuck Heritage Pulsograph Limited Edition เมื่อปี 2014 อันเป็นกลไกที่สร้างขึ้นตามแบบกลไกดั้งเดิมของ Minerva เช่นเดียวกัน โดยปุ่มกดจับเวลาของกลไกเครื่องนี้จะติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งราว 2 นาฬิกา ซึ่งแน่นอนว่าจะสามารถชื่นชมความงามของกลไกได้ผ่านกระจกใสบนฝาหลังเหมือนเช่นเคย ขณะที่ลักษณะของหน้าปัดยังคงมีรูปแบบและรายละเอียดที่เหมือนกัน ทั้งลักษณะของสเกลและตำแหน่งวงหน้าปัดขนาดเล็ก แต่ย่อสัดส่วนลงมาตามขนาดพื้นที่ที่เล็กลง และอีกจุดหนึ่งที่ต่างก็คือปลายเข็มวินาทีจับเวลากับเลขวินาทีที่ 30 และ 60 ที่ในรุ่นนี้ไม่ได้ใช้สีแดงเหมือนที่เคย
หน้าปัดของรุ่นนี้ ทาง MONTBLANC เลือกใช้เป็นสีเขียวรมควัน ซึ่งเป็นโทนสีที่แปลกตาและสะดุดตา และสวมคู่มากับสายหนังจระเข้สีเขียวที่ผลิตโดยโรงงานเครื่องหนัง MONTBLANC ในอิตาลี อันเป็นลักษณะเดียวกับนาฬิกา 1858 Chronograph Tachymeter เรือนพิเศษที่สร้างขึ้นเพียงเรือนเดียวเพื่อออกประมูลในรายการ ONLY WATCH 2017 แต่แทนที่จะมากับตัวเรือนบรอนซ์เหมือนเรือน ONLY WATCH ทางแบรนด์กลับเลือกใช้ตัวเรือนวัสดุสตีลกับนาฬิการุ่นใหม่นี้แทน โดยจะผลิตขึ้นแบบจำนวนจำกัดเพียงแค่ 100 เรือน ตั้งราคาไว้ที่ 28,000 ยูโร
1858 Pocket Watch Limited Edition 100
นาฬิกาพก ลิมิเต็ด เอดิชั่น ผลิตจำนวนจำกัดแค่ 100 เรือน รุ่นนี้ ถือว่าเป็นตัวท็อปในบรรดาตระกูล 1858 ที่ออกมาในปี 2018 นี้ ด้วยคุณสมบัติและคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมหลายอย่างด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ ตัวเรือนขนาดใหญ่ 60 มม. หนา 20.8 มม. ที่ทำจากไทเทเนี่ยม หน้าปัดที่เป็นแผ่นหิน ดูมอร์ทีไรท์ โทนสีฟ้าที่มีลายจุดแบบเฉพาะตัว พร้อมสเกลเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงว่าเป็นนาฬิกาที่แสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ทั้งยังชี้บอกด้วยเข็มสีแดงขนาดใหญ่เพียงเข็มเดียวอีกต่างหาก และยังแถมสเกลพัลโซมิเตอร์สลักลงสีดำเอาไว้ที่ขอบตัวเรือนด้วย
นาฬิการุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง คาลิเบอร์ MB M16.24 ซึ่งผลิตโดยโรงงาน Minerva ที่นอกจากจะแสดงเวลาด้วยเข็มเดี่ยวแบบ 24 ชั่วโมงแล้ว มันยังเป็นกลไกแบบโครโนกราฟจับเวลา 30 นาที แบบโมโนพุชเชอร์ที่สั่งการด้วยปุ่มกดเดียวซึ่งติดตั้งอยู่ร่วมกับเม็ดมะยมอีกด้วย โดยเมื่อเปิดบานปิดฝาหลังชั้นนอกซึ่งเป็นแบบบานพับออกมาก็จะสามารถชื่นชมความงดงามของกลไกที่ติดตาตรึงใจคนรักนาฬิกาทั่วโลกได้อย่างเต็มที่ผ่านกระจกใสที่ผนึกอยู่ที่ฝาหลังชั้นใน อีกทั้งที่แผ่นฝาหลังชั้นนอกยังผนึกด้วยกระจกใสแซฟไฟร์แบบสองชั้นซึ่งมีเข็มทิศติดตั้งอยู่ระหว่างกลางโดยพิมพ์สเกลทิศเอาไว้ที่แผ่นกระจก ขณะที่อักษรกับมาร์คบอกทิศนั้นถูกสลักอยู่ที่บริเวณขอบไทเทเนี่ยมแถมยังเหมือนจะเคลือบสารเรืองแสงเอาไว้อีกด้วย และเมื่อเปิดฝาขึ้นมาแล้วก็ยังมีชิ้นขาตั้งแบบบานพับสำหรับใช้วางเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับซองพร้อมสายที่ทำจากหนังวัวสีน้ำตาลสำหรับถือ แล้วก็มีสายหนังวัวแบบคาดแขนเพื่อให้สวมติดกับแขนได้ให้มาด้วย สำหรับราคานั้น ทาง MONTBLANC แจ้งไว้ที่ 48,000 ยูโร
สุดท้ายนี้ขอบอกว่า ทุกรุ่นของคอลเลคชั่น 1858 ที่ออกมาใหม่ในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอินเฮ้าส์หรือไม่ ก็ล้วนแต่ผ่านมาตรฐานคุณภาพการทำงานจากการทดสอบ 500 ชั่วโมง ของ MONTBLANC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
By: Viracharn T.