MB&F และ Eddy Jaquet กับ LM Split Escapement ใหม่
ในโลกของการผลิตนาฬิการะดับไฮเอนด์ ที่งานฝีมือและการเล่าเรื่องระดับตำนาน หมุนมาบรรจบกันอย่างงดงาม เพื่อสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะเหนือกาลเวลา กับงานการผสมผสานที่มีใน MB&F LM Split Escapement ที่งานการผลิตจากช่างแกะสลักระดับปรมาจารย์ Eddy Jaquet ซึ่งหลังจากความสำเร็จของนาฬิกาในซีรี่ส์แรกปี 2021 ที่ทำให้นักสะสมหลงใหลในงานแกะสลักด้วยผลงานของ Jules Verne ที่ MB&F ยังคงเดินทางต่อไปอย่างสร้างสรรค์ กับคอลเลคชั่นใหม่ที่นำเสนอการผจญภัยตามวรรณกรรม
ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กับนาฬิกาในแต่ละเรือนที่ได้รับการแกะสลักอย่างพิถีพิถัน บนหน้าปัดจำนวนรวมแปดเรือน พร้อมความพิเศษเฉพาะอันงดงาม ของนาฬิกาในแต่ละเรือนที่ต่างกันออกไป ที่พื้นหน้าปัดนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ ของโปรเจ็คท์นี้จากความร่วมมือกันกับ Eddy Jaquet กับความสัมพันธ์ของ MB&F กับเขาเริ่มต้นในปี 2011 ที่ได้เปลี่ยนพื้นหน้าปัดของ Legacy Machine Split Escapement (LM SE) ให้กลายเป็นงานศิลปะอันประณีตและบรรจง ด้วยแรงบันดาลใจที่มาจาก Jules Verne
ที่ได้รับการยกย่องในความเป็นเรื่องการเล่า อันยอดเยี่ยมผ่านงานการแกะสลักพร้อมรายละเอียด โดยได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากการประกาศรางวัล Grand Prix d'Horlogerie de Genève (GPHG) ซึ่ง Jaquet กลับมาอีกครั้งพร้อมแรงบันดาลใจที่มาจากวรรณกรรมคลาสสิค จำนวนแปดเรื่องที่หล่อหลอมจินตนาการของคนรุ่นต่อรุ่น พร้อมการเผยให้เห็นผ่านทางศิลปะโดย Jaquet ที่แกะสลักอยู่บนหน้าปัดของ LM SE ซึ่งเป็นพื้นที่ในการแสดงฉากจากนวนิยายอันเป็นที่รัก เช่น Robinson Crusoe โดย Daniel Defoe
หรือ The Jungle Book โดย Rudyard Kipling และ Moby Dick โดย Herman Melville ที่งานการแกะสลักในแต่ละชิ้นล้วนเป็นมากกว่าการตีความ ในความเป็นเรื่องราวที่จะสะกดโลกให้หยุดนิ่งและไร้ซึ่งกาลเวลา โดยบันทึกช่วงเวลาสำคัญต่างๆ พร้อมทั้งตัวละครด้วยรายละเอียดอันน่าทึ่ง จากวิธีการทำงานของ Jaquet ในการเปลี่ยนธีมวรรณกรรมมาสู่พื้นหน้าปัด LM SE ได้อย่างน่าประทับใจ ที่ทำให้นาฬิกาทั้งแปดเรือนในซีรีส์นี้ กลายเป็นการรวบรวมจิตวิญญาณของนวนิยายในแต่ละเรื่อง
โดยมีฉากสำคัญที่แสดงเป็นภาพนูนอันน่าทึ่งบนหน้าปัด ตั้งแต่วาฬอันโด่งดังของ Moby Dick ไปจนถึงซากเรือผจญภัยใน Robinson Crusoe ซึ่งถือเป็นงานการแกะสลักในแบบของศิลปิน ที่ถูกทำให้เรื่องราวต่างๆ ล้วนมีชีวิตชีวาขึ้นมาผ่านสื่อโลหะ พร้อมสร้างความเชื่อมโยงที่สัมผัสได้ รวมทั้งสามารถมองเห็นเรื่องราว ระหว่างวรรณกรรมกับวิทยาบอกเวลา โดยสิ่งที่ทำให้งานของ Jaquet แตกต่างออกไปคือแนวทางของเขา แทนที่จะอาศัยการนำเสนอด้วยภาพในแบบเดิมที่มีอยู่เท่านั้น
จากการที่เขาดึงเอาข้อมูลจากข้อความในเรื่องราวแต่ละเรื่องโดยตรง เพื่อให้แน่ใจว่าผลงานสร้างสรรค์ของเขาจะมีทั้งต้นฉบับ และความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดกับเรื่องราวที่นักแต่งนวนิยายนำเสนอ เพื่อทำให้นาฬิกาในแต่ละเรือนกลายเป็นการตีความ ทางด้านวรรณกรรมคลาสสิคได้อย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมการทำให้ผู้ที่ครอบครองหรือสวมใส่ ได้มีโอกาสเข้าสู่โลกแห่งการผจญภัย จินตนาการ และศิลปะ ตามความตั้งใจของผู้แต่งได้อย่างครบรส พร้อมความซาบซึ้งในวรรณกรรมต่างๆ เหล่านี้
กรุณาติดตามเรื่องราวในบทความครั้งต่อไป