Maximilian Büsser, Founder & Creative Director of MB&F

“ผมไม่ชอบออกจากคอมฟอร์ทโซนในชีวิตส่วนตัว แต่ผมชอบที่จะออกจากคอมฟอร์ทโซนในฐานะครีเอเตอร์ โดยผมมีสิ่งที่เสพติดอยู่สองอย่าง อย่างหนึ่งคือการสร้างสรรค์งาน และอีกอย่างคือดาร์กช็อกโกแลต แต่ตอนนี้ผมมีปัญหา เพราะมีคนบอกผมแล้วว่าต้องลดน้ำตาลลง ผมเลยต้องควบคุมดาร์กช็อกโกแลต แล้วผมก็เลยต้องคิดงานสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นอีก” คำพูดเด็ดๆ สไตล์ Maximilian Büsser ผู้มีความโดดเด่นในโลกของการผลิตนาฬิกาแนวอิสระ

 

Screenshot 2567 11 07 at 23.07.36

จากการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ ความเฉียบแหลมทางการตลาด และจิตวิญญาณของผู้ประกอบการที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตัวเอง จากจุดเริ่มต้นของเขาที่ JAEGER-LeCOULTRE ในปี 1991 กับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขายที่ Max สร้างชื่อให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นในปี 1998 ที่เขาถูกทาบทามให้ดูแลแผนกนาฬิกาของ HARRY WINSTON ซึ่งที่นี่คือที่ที่ความคิดสร้างสรรค์ของเขา นำไปสู่การสร้างสรรค์นาฬิกาในซีรี่ส์ Opus

 

Maximilian Busser 1 Lres 1024x682 1

 

ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง HARRY WINSTON และช่างนาฬิกาอิสระที่มีชื่อเสียงมากมาย โดยซีรี่ส์ Opus เริ่มต้นในปี 2001 กับ François-Paul Journe จนกลายเป็นวัฒนธรรมให้ HARRY WINSTON ต้องมีการนำเสนอความร่วมมือครั้งใหม่ในทุกปี โดยมีเรือนที่โดดเด่นจากช่างนาฬิกาชั้นนำอย่างเช่นกับ VIANNEY HALTER ในปี 2003 และ URWERk ในปี 2005 ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้ก็เป็นอีกส่วน ในการยกระดับชื่อเสียงของผู้มีพรสวรรค์

 

Screenshot 2567 11 07 at 23.27.18

 

ในการผลิตนาฬิกาแนวอิสระอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม Max ก็ออกจาก HARRY WINSTON ไม่นานหลังจากซีรี่ส์นาฬิการุ่น Opus V เพื่อการเริ่มต้นงานของตัวเองในปี 2005 ที่ Max ก่อตั้ง Maximilian Büsser & Friends หรือ MB&F ในเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยยังคงสานต่อหลักการทำงานร่วมกัน จากที่เขาเคยบุกเบิกที่ HARRY WINSTON กับการทำงานร่วมกันกับช่างนาฬิกาอิสระหลายราย เพื่อสร้างนาฬิกาที่เป็นนวัตกรรมและมีเอกลักษณ์ทางศิลปะ

 

HM4 FACE 2 preview

 

ในฐานะเจ้าของและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ที่ Max ได้นำพา MB&F ไปสู่ชื่อเสียงที่โด่งดังในระดับสูงของอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องของการก้าวข้ามขอบเขต ในด้านการผลิตนาฬิกาจากแบบดั้งเดิม ผ่านความร่วมมือที่สร้างสรรค์พร้อมการออกแบบที่ล้ำสมัย โดยเขาสามารถคว้ารางวัลได้มากมายโดยเฉพาะจากเวทีของ GPHG ตั้งแต่ปี 2010 กับรางวัล Design and Concept Watch Prize จากนาฬิการุ่น Horological Machine N°4 Thunderbolt Jewellery

 

2021

 

จากนั้นในปี 2012 กับรางวัล Men’s Watch Prize จากนาฬิการุ่น Legacy Machine N° 1 และปี 2016 กับรางวัล Calendar Watch Prize จากนาฬิการุ่น Legacy Machine Perpetual และต่อมาในปี 2019 กับรางวัล Ladies’ Complication Watch Prize จากนาฬิการุ่น Legacy Machine FlyingT และในปี 2021 กับรางวัล Artistic Crafts Watch Prize จากนาฬิการุ่น LM SE Eddy Jaquet ‘Around the World in Eighty Days’ และต่อมาในปี 2022 กับรางวัล Aiguille d’Or Grand Prix จากนาฬิการุ่น Legacy Machine Sequential Evo

 

2022

 

ส่วนปี 2021 กับรางวัล Men’s Complication Watch Prize จากนาฬิการุ่น LMX Titanium นอกจากนี้ยังมีรางวัล PRIX GAÏA ในปี 2018 กับรางวัล Entrepreneurial Spirit โดย Maximilian Büsser ที่ล้วนแล้วแต่ทำให้เห็นถึงความสามารถของ Max ในการรังสรรค์ผลงานต่างๆ ได้มากมาย และที่สำคัญที่สุดคือผลงานเหล่านี้ ล้วนต้องตาและต้องใจผู้คนจำนวนมากทั่วโลก ได้เป็นอย่างดีแม้ผลงานเหล่านี้จะต้องมีการตีความ และทำความเข้าใจในเนื้องานของ MB&F ในระดับลึกพอควร

 

MBandF LMX TITANIUM GREEN 08.TL .G