Legacy Machine No. 2, Limited Edition 12 Pieces

 

และถ้าลองถามผู้คนรอบข้างคุณว่า พวกเขามีสีไหนที่เป็นสีที่โปรดปรานมากที่สุด คำตอบที่มักจะได้อาจเป็นน้ำเงิน แดง เขียว หรือเทา แต่รับรองว่าน้อยครั้งนักที่จะเป็นม่วง ดังนั้น Legacy Machine No. 2 จึงเลือกสีม่วงให้ทำหน้าที่เป็นเฉดสีที่น่าจดจำที่สุด สำหรับนาฬิกาเลกาซี่เรือนสุดท้ายสำหรับซี่รี่ส์ LM No. 2 นี้ ในตัวเรือนวัสดุไวท์โกลด์อันโดดเด่นเสมอของ M.B.&F.

 

004

 

เพราะ M.B.&F. ไม่ได้พยายามจะเลือกใช้สีโปรดของทุกคนเสมอไป และยังเชื่ออีกว่าสีสันที่แปลกตา ก็สามารถเป็นหนึ่งในความทรงจำที่พิเศษ ได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน อย่างเช่นการเลือกใช้สีม่วงตั้งแต่ปี 2011 กับโรเตอร์ในหลากหลายรุ่น หรือแม้กระทั่งเร็วๆ นี้กับ HMX Black Badger และ LM Perpetual ที่ซึ่งสีสันไม่เคยหยุดนิ่ง แต่กลับสลับปรับเปลี่ยนไปตามมุมมองที่น่าสนใจตลอดเวลา ทั้งเฉดสีม่วงจนถึงเฉดสีเขียว ซึ่งทำให้นาฬิการุ่นนั้นๆ ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก

 

001

 

และครั้งนี้ เราเลือกใช้สีม่วงลงบนพื้นหน้าปัดนาฬิกา LM  No. 2 ทั้งผืนเพื่อยกให้กลไกที่ดูแปลกตาอยู่แล้ว มีความโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก จากฝีมือการทำงานของ Mr. Jean-Francois Majon และ Mr. Kari Voutilainen ที่พัฒนากลไกชุดพิเศษนี้ขึ้น ด้วยฟลายอิ้งวีลและเอสเคปเม้นท์คู่ ที่ช่วยกันเฉลี่ยค่าความเที่ยงตรงเพื่อให้ได้ความแม่นยำมากที่สุด ผ่านเซ็นทรัลแพลนเน็ททารี่ดิฟเฟอร์เรนเชียล ซึ่งเป็นชุดกลไกที่จะถ่ายทอดไปสู่เข็มเพื่อแสดงเวลานั่นเอง

 

003

 

ดังนั้น LM No. 2 จึงเป็นเสมือนการแสดงให้เห็นถึง แนวคิดความยิ่งใหญ่ของกลไก จากช่างนาฬิการะดับโลกในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Abraham Louis-Breguet (1747-1823) Ferdinand Berthoud (1727-1807) และ Antide Janvier (1751-1835) สามอัฉริยะผู้มีความสำคัญในวงการนาฬิกาโลกยุคเริ่มต้น จากแนวคิดการทดลองใช้กลไกแบบดูอัลเรกูเลเตอร์ ซึ่งนอกจากนี้ยังหมายรวมไปถึงช่างนาฬิกาในยุคปัจจุบันนี้ ที่ยังคงเชื่อมั่นในหลักการเดียวกัน อย่างเช่น Philippe Dufour ผู้พัฒนาและสร้าง Duality จากแนวคิดของการใช้ดูอัลเรกูเลเตอร์ พร้อมๆ กับดิฟเฟอร์เรนเชียล

 

002