HUBLOT Unveils the King Power FC BAYERN MUNICH

 

HUBLOT เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษเกี่ยวกับวงการฟุตบอลอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา โดยคราวนี้เป็นนาฬิกา King Power FC Bayern Munich ที่ทำขึ้นมาเพื่อเป็นสักขีพยานแห่งความร่วมมือระหว่าง HUBLOT กับสโมสรฟุตบอลชื่อดังแห่งเยอรมนี Bayern München (บาเยิร์น มิวนิค) 

 

FCB Launh hr 0198S  FCB Launch hr 0242S

  

FCB Launch hr 0069S  FCB Launch hr 0233S

 

ในงานเปิดตัวนาฬิกาแห่งความร่วมมือรุ่นนี้ มีบุคคลสำคัญของทั้ง 2 องค์กร มาร่วมฉลองกันอย่างพร้อมหน้า ได้แก่ Jean-Claude Biver ประธาน HUBLOT, Karl-Heinz Rummenigge กรรมการบริหารสโมสรบาร์เยินฯ ตลอดจนนักเตะคนดังของทีม อาทิ Ribéry, Boateng, van Buyten, Luiz Gustavo, Shaqiri และ Pizarro เป็นต้น โดยมีสื่อมวลชนชั้นนำจากเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์มาเป็นสักขีพยาน

 

5446S 5445S

 

King Power FC Bayern Munich เป็นนาฬิกาโครโนกราฟที่แสดงผลค่าการจับเวลาแบบ 45 นาที ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับวงการฟุตบอล มาในตัวเรือนไทเทเนียมผิวซาตินขนาด 48 มิลลิเมตร และจะผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 200 เรือนเท่านั้น

 

ข้อมูลทางเทคนิค HUBLOT King Power FC Bayern Munich 
จำนวนการผลิต: 200 เรือน 
ตัวเรือน: คิงเพาเวอร์ ขนาด 48 มิลลิเมตร ผิวซาติน ทำจากไทเทเนียม ข้างตัวเรือนและบ่าปกป้องปุ่มกดเป็นคอมโพสิตเรซินสีดำ ขอบตัวเรือนทำจากไทเทเนียมหุ้มขอบด้วยยางสีดำ เม็ดมะยมไทเทเนียมปลายเป็นยางสีดำ ปุ่มกดทำจากไทเทเนียมเคลือบพีวีดีดำหุ้มยางสีแดงและดำ กันน้ำได้ 100 เมตร 
กระจกหน้าปัด: แซฟไฟร์คริสตัล พิมพ์เลขนาทีสีฟ้า เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน 
ฝาหลัง: ไทเทเนียมปัดลายกรุกระจกแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารกรองแสงทั้งสองด้าน 
หน้าปัด: แผ่นแซฟไฟร์ ติดตั้งหลักชั่วโมงเคลือบรูเธเนียมปัดลายแต้มสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา ประทับโลโก้บาร์เยินมิวนิคที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา 
เข็ม: เคลือบนิกเกิ้ลดำปัดลาย แต้มสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าสีแดงบนเข็มชั่วโมงกับนาที 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟทำสเกเลตัน Calibre HUB4245 จับเวลาแบบ 45 นาที ด้วยเข็มกลางโดยใช้วงสเกลสีแดงด้านใน บอกวันที่ผ่านช่องหน้าต่างที่ 4 นาฬิกา เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง 
สาย: 
ยางสีดำตกแต่งด้วยสีแดง บานพับไทเทเนียมเคลือบพีวีดีดำพร้อมเพลทตกแต่งทำจากไทเทเนียมปัดลาย

 

By: Viracharn T.