Elegance Reinvented
ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุยางเป็นครั้งแรกในการผลิตนาฬิกา ไปจนถึงการสร้างสรรค์วัสดุผสมล้ำค่าใหม่ๆ เช่น เมจิกโกลด์ ที่มีความสามารถในการป้องกันรอยขีดข่วนได้ รวมไปถึงการผลิตวัสดุคอมโพสิทที่ปฏิวัติวงการ เช่น เซรามิคและแซฟไฟร์ที่มีสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าแนวทาง ด้านวัสดุศาสตร์ถือเป็นหัวใจหลักของ HUBLOT เสมอมา ดังนั้นเพื่อให้บรรลุถึงแนวคิดของ "ศิลปะแห่งการผสมผสาน" ฝ่ายการผลิตของ HUBLOT จึงมีห้องปฏิบัติการโลหะวิทยาและวัสดุศาสตร์เป็นของตัวเอง
โดยทำงานร่วมกันกับแผนกวิจัยและพัฒนาอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมไปถึงโรงหล่อของ HUBLOT เองกับวัสดุที่เป็นนวัตกรรมเหล่านี้ ที่สร้างและผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีล่าสุด ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะในการผลิตนาฬิกาและพัฒนา รวมกันกับงานด้านการออกแบบซึ่งสำหรับ HUBLOTแล้ววัสดุถือเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบ ดังนั้นจึงจะต้องส่งเสริมงานด้านการออกแบบ ที่ในขณะเดียวกันก็สามารถปกป้องกลไก และทนทานต่อการทดสอบด้านการแสดงค่าเวลาได้เป็นอย่างดีไปพร้อมกันด้วย
และด้วยเหตุนี้เอง HUBLOT จึงเลือกพัฒนาวัสดุอย่างไฮเทคเซรามิค สำหรับขอบและตัวเรือนในนาฬิกาบางรุ่น จากความเป็นวัสดุที่ทนทานเป็นพิเศษ พร้อมความสามารถในการป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นแนวคิดพื้นฐานไปถึงวัสดุอื่นๆ อย่างเช่นทองคำที่ไม่เคยมีคุณสมบัตินี้มาก่อน ดังนั้น HUBLOT จึงคิดค้นเมจิคโกลด์ขึ้น และได้รับการพัฒนารวมทั้งจดสิทธิบัตร รวมทั้งยังเป็นโลหะผสมทองคำแบบ 18 เคแบบแรกในโลก ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แม้จะอยู่ในไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ โดยจะยังคงรักษาความสวยงาม ความแวววาว และรูปลักษณ์ที่หรูหราไว้ได้ แม้ผ่านเวลาการใช้งานไปหลายต่อหลายปี ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติที่แท้จริงในโลกของวัสดุล้ำค่า จากแนวคิดในปี 1980 ที่ HUBLOT ได้ปฏิวัติการผลิตนาฬิกาโดยการรวม ตัวเรือนทองคำเข้าไว้กับสายยาง จนทำให้เกิดนาฬิการูปแบบใหม่เป็นครั้งแรก โดยแนวคิดอันกล้าหาญนี้ทำให้เกิดการแสดงออกเป็นครั้งแรกของ "ศิลปะแห่งการผสมผสาน" ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์นับตั้งแต่นั้นมา
จนวัสดุยางก็ได้กลายเป็นหนึ่งในวัสดุหลักของ HUBLOT รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของแนวทางการผลิตนาฬิกาที่ทันสมัยในโลกยุคปัจจุบัน โดยนาฬิกา HUBLOT รุ่น Classic Fusion Original Yellow Gold ใหม่นี้ยังได้รับการคัดเลือก เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่เข้าชิงรางวัลในกลุ่ม Iconic ของงาน GPHG ในปี 2024 กับนาฬิกาใน Ref. 591.VX.1230.RX.MDMจากตัวเรือนเยลโลว์โกลด์แบบคลาสสิคที่ขนาด 29 มิลลิเมตร ที่มีการขัดด้วยลายซาตินและขัดเงา รวมไปถึงขอบเบเซิลเยลโลว์โกลด์ที่ผนึกเข้ากับตัวเรือน ด้วยสกรูว์ไทเทเนียมรูปทรงตัว H จำนวน 6 ตัว ให้ความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ 50 เมตรหรือ 5 เอทีเอ็ม
กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์พร้อมการเคลือบด้วยสารป้องกันแสงสะท้อน ในหน้าปัดที่เคลือบเงาสีดำและปราศจากมาร์กเกอร์ ผนวกเข้ากับหน้าต่างแสดงค่าวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ทำงานด้วยกลไกควอท์ซคาลิเบอร์ HUB2915 ให้พลังงานสำรองนาน 2 ปี ใช้งานคู่กันกับสายยางสีดำแบบเรียบ และชุดล็อคแบบบัตเตอร์ฟลายที่ผลิตจากเยลโลว์โกลด์ โดยมีบานพับที่ผลิตจากไทเทเนียมดีแอลซีสีดำ เพื่อการใช้งานได้กับทุกสัมผัส ในราคาจำหน่ายที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ 15,900 สวิสฟรังก์
รวมกันทำให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งในไอคอนนิค หรือภาพลักษณ์สำคัญของนาฬิกาในแบบ Classic Fusion ยุคปัจจุบันที่ยึดถือรูปแบบดั้งเดิมของนาฬิกาในยุคแรกของ HUBLOT ที่บริหารงานโดย MDM ที่ยังคงกลิ่นอายของความเป็นนาฬิกาสปอร์ตอันหรูหรา ในทุกอนูตั้งแต่การมองเห็นจนถึงการสัมผัส ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะกรรมการของ GPHG เห็นและเลือกให้เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่เข้าชิงรางวัล Iconic นี้ที่ต้องรอดูผลที่จะประกาศในช่วงปลายปีอย่างเป็นทางการกันต่อไป