My 3 Best watches of BASELWORLD 2013

 

จากงานบาเซิลเวิลด์ 2013 ที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายท่านคงได้เห็นหน้าตาของนาฬิการุ่นใหม่ๆ จากแบรนด์ต่างๆ ที่เข้าร่วมแสดง หลายเรือนก็เกือบจะโดนใจแต่อีกหลายเรือนก็ได้แต่คิดในใจว่าคิดออกมาได้ยังไง วันนี้ขอเลือกนาฬิกาที่ถูกใจในงานบาเซิลเวิลด์ครั้งนี้มาให้ชมกันครับ

 

 

pic11

 

Tudor Heritage Chrono Blue

 

โทนสีน้ำเงินเหมือนเป็นสีประจำงานบาเซิลเวิลด์ปีนี้ที่หลายค่ายนิยมใช้เป็นสีหลัก และแน่นอน จากที่ผมเป็นแฟน Tudor ในรุ่น Heritage อย่างเหนียวแน่น ก็ย่อมไม่พลาดที่จะขอชมผลงานที่ออกมาในปีนี้ซักหน่อย และก็ไม่เป็นที่ผิดหวังครับ หลังจากที่ได้รับความสำเร็จอย่างสูงในปี 1970 กับรุ่น Monte Carlo หน้าปัดสีดำและสีเทาที่ทาง Tudor ได้ย้อนกลับนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการผลิตนาฬิกาจับเวลาคอลเลคชั่น Heritage ในปี 2010 มาแล้ว

 

ในปีนี้ Tudor ก็ได้นำนาฬิกาจับเวลารุ่น Monte Carlo รุ่นที่สอง หรือที่เรียกกันในหมู่นักสะสมว่า Mark II ที่ผลิตออกมาในปี 1973 มีหน้าปัดสีขาวแบบออฟไวท์ตัดกับวงจับเวลาสีน้ำเงินและแซมด้วยสีส้มบนมาร์คเกอร์ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดูสุภาพแต่ไม่แหย และแน่นอนมาพร้อมสายนาโต้สีน้ำเงินคาดส้ม ในระดับราคาแสนต้น เรียกได้ว่าในระดับราคานี้กับฟังค์ชั่นและรูปแบบของรุ่นนี้คงหาตัวเทียบยากมาก นับว่าปีนี้น่าจะเป็นปีแห่งความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งของ Tudor 

 

 

pic2

 

Omega Speedmaster Black Ceramic

 

ชื่อรุ่นคุ้นๆ เหมือนกับว่าเป็นชื่อภาคต่อของ Transformer ที่แน่ๆ Omega เรือนนี้มีรูปลักษณ์ที่ดุดันเหมือนชื่อรุ่น ด้วยตัวเรือนเซรามิคขนาด 44 มิลลิเมตรที่ดำสนิทรับกับขอบแทคคีมิเตอร์และหน้าปัดสีเดียวกัน ในทรงตัวเรือนสุดคลาสสิคตามแบบอย่างจาก Speedmaster Moonwatch วงจับเวลาสองวงทำให้หน้าปัดดูเรียบขึ้น ที่น่าสนใจก็คือแสดงการจับเวลาในหน่วยของนาทีและ 12 ชั่วโมงบนแกนเข็มเดียวกันหรือในวงจับเวลาเดียวกันนั่นเองที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา มาร์คเกอร์แบบขีดผลิตขึ้นจากทองคำขาว ฝาหลังเปลือยแสดงให้เห็นกลไกโคแอคเชียล Caliber 9300 ทีมีพลังงานสำรองถึง 60 ชั่วโมง กันน้ำลึก 50 เมตร มาบนสายแบล็คคอร์ดูร่าที่ทนทานพร้อมกับหัวเข็มขัดเซรามิค 

 

นับว่าเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับแฟน Moonwatch ที่คุ้มค่าแห่งการรอคอย ที่มาใหม่ถอดด้ามทั้งกลไกและรูปแบบที่แตกต่างกว่าที่ผ่านมา ทาง Omega ไม่ได้บอกว่ารุ่นนี้เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นเพียงใช้คำว่าสเปเชียลเอดิชั่นจึงคาดได้ว่าอาจจะดูกระแสการตอบรับที่สอดคล้องกับการผลิต ที่ราคาสามแสนต้นอาจจะทำให้แฟน Moonwatch หยุดคิดสักนิดครับ

  

 

pic3

 

Hublot Masterpiece MP-05 La Ferrari Tourbillon

 

นาฬิกาที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติกับรถสปอร์ตพันธุ์แรง "Ferrari" ในชื่อรุ่นเดียวกัน แน่นอนว่ารูปทรงของนาฬิกาย่อมได้รับแรงบันดาลใจจากฝากระโปรงเครื่องของรถสปอร์ตรุ่นนี้ แต่ที่เด็ดกว่าคือการเปลือยให้เห็นกลไกและการทำงานประหนึ่งมองทะลุเข้าไปในห้องเครื่อง กลไกไขลานพลังงานสำรองเต็มที่ 50 วันเกิดขึ้นจากตลับลานสิบเอ็ดตัวที่วางซ้อนกันเหมือนเป็นแกนกลางของเครื่องยนต์ แสดงเวลาโดยกระบอกหมุนสองอันที่ด้านขวา โดยตัวบนแสดงชั่วโมงและตัวล่างแสดงนาที โดยกระบอกที่ด้านซ้ายตัวบนแสดงจำนวนวันของพลังงานสำรองที่เหลือ ส่วนตัวล่างแสดงชั่วโมงพลังงานที่เหลือ และที่วงด้านล่างใต้ชื่อแบรนด์และครอบตัวกรงตูบิยองก็คือ วงแสดงวินาที การปรับตั้งเวลาทำได้ผ่านทางเครื่องมือเฉพาะที่มาพร้อมกับตัวนาฬิกาเท่านั้น ที่มีรูปแบบเหมือนเครื่องมือถอดสกรูล้อรถในสนามแข่ง ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือน 

 

pic41pic51

 

นาฬิกาทั้งสามเรือนอาจจะไม่ตรงกับใจของทุกท่านได้ทั้งหมด แต่นาฬิกาทุกเรือนเป็นแบรนด์ที่ผมชื่นชอบและประทับใจในเรื่องการออกแบบและกลไกที่พิเศษ ในราคาที่พอจับต้องได้ ยกเว้นเรือนสุดท้ายที่เลือกมาเพราะความชอบส่วนบุคคลที่อดไม่ได้ที่จะขอจ้องนานๆ หน่อยครับ

 

By: Prayuth P.