HUBLOT Big Bang DJ Snake

ศิลปินชื่อดังชาวฝรั่งเศสที่มียอดการสตรีมมากที่สุดในโลก ด้วยผลงานสุดฮิตระดับสากลมากมาย DJ Snake ได้ผนึกกำลังกับ HUBLOT เพื่อเผยโฉมผลงานสร้างสรรค์สุดเอ็กซ์คลูซีฟรุ่นใหม่ Big Bang DJ Snake ที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานหลากหลายมิติเข้าด้วยกัน เช่นเดียวกับศิลปินผู้มากด้วยพรสวรรค์ ที่เป็นต้นกำเนิดของแรงบันดาลใจในผลงานนาฬิการุ่นนี้ “เพื่อให้สามารถสวมใส่ได้ และเพื่อนำเสนอให้กับแฟนๆ ของผม ผมจึงร่วมสร้างนาฬิกาซึ่งสะท้อนบุคลิกซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับผม และนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ได้ร่วมกับHUBLOT ผมดีใจที่มีส่วนร่วมผสมผสานแรงบันดาลใจ เข้ากับความเชี่ยวชาญอันน่าอัศจรรย์ของเหล่าช่างนาฬิกาและช่างเทคนิคของแบรนด์สวิสนี้" DJ Snake กล่าวถึงนาฬิการุ่นพิเศษนี้

 

Screen Shot 2564 10 01 at 23.45.33

DJ Snake เปลี่ยนทุกๆ สิ่งที่เขาสัมผัสให้กลายเป็นสิ่งพิเศษ ซึ่งเรารู้สึกตื่นเต้น ที่ได้ร่วมถ่ายทอดพลังสร้างสรรค์อันโดดเด่นของเขา สู่ผลงานในรุ่นที่ผลิตแบบจำนวนจำกัดใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็มีหลากหลายมิติ เฉกเช่นเดียวกับพรสวรรค์ของ DJ Snake!” Ricardo Guadalupe ซีอีโอของ HUBLOT กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการร่วมมือกันในครั้งนี้ ซึ่งสำหรับ DJ Snake แล้ว เขาเป็นที่รู้จักแห่งวงการดนตรีทุกวันนี้เป็นอย่างดี จนแทบไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวเขาอีกต่อไป โดยดาวเด่นแห่งดนตรีอิเล็กทรอนิกส์คนนี้ ได้ดึงดูดความสนใจของสาธารณชน เป็นครั้งแรกด้วยแทร็กเพลง “Turn Down For What” ซึ่งปล่อยออกมาในปี 2013 และนับจากนั้นมา ก็ยังมีเพลงฮิตติดอันดับอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "Lean On”, “Loco Contigo”, “Let Me Love You” ร่วมกับ Justin Bieber

 

Screen Shot 2564 10 01 at 23.45.46

 

หรือ "Selfish Love” กับ Selena Gomez รวมถึงการร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอีกมากมายทั้ง Diplo, Kanye West, Lil Jon และอีกมากมายที่กำลังจะตามมา ซึ่งทำให้เขากลายเป็นศิลปินชาวฝรั่งเศสคนแรก ที่มีถึงสองเพลงซึ่งเล่นมาแล้วมากกว่าพันล้านครั้งบน Spotify และยังคว้ารางวัลอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Billboard Music Awards, MTV Music Awards รวมทั้งอีกไม่น้อยกว่าสามรางวัลจาก NRJ Music Awards โดย HUBLOT และ DJ Snake ร่วมงานกันตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2018 เมื่อเขาเดินทางมาร่วมในงานค่ำคืน       ส่งท้ายการแข่งขัน FIFA World Cup ที่ประเทศรัสเซียของ HUBLOT และหลังจากนั้นสามปีต่อมา นาฬิการุ่นแรกแห่งสัมพันธภาพนี้ก็เผยโฉมขึ้น จากงานออกแบบนาฬิการุ่นไอคอนิคของแบรนด์ อันเป็นที่จดจำได้ในทันทีของ HUBLOT ที่ในครั้งนี้เปล่งประกายเฉดสีนับพัน

 

Screen Shot 2564 10 01 at 23.44.04

 

โดยขอบตัวเรือนและชิ้นส่วนต่างๆ จะประกอบไปไทเทเนียมหกชิ้นกับตัวเรือนในขนาด 45มิลลิเมตร ที่ตกแต่งไปด้วยมิติแห่ง "วงแหวนของนิวตัน" ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ทางเทคนิค ที่คล้ายกันกับพีวีดีสีดำโดยการประจุด้วยสีสันต่างๆ และควบคุมการหันเหของแสงสะท้อน ณ ตำแหน่งที่แม่นยำเพื่อให้ได้มาซึ่งสีที่ต้องการ จนกลายเป็นสีประกายริ้วแสงสีรุ้ง ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามแสงและมุมมองต่างๆ ซึ่งไม่เพียงเท่านั้น พื้นผิวของชิ้นส่วนเหล่านี้ยังผ่านกระบวนการที่ทำให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะถูกนำมาผ่านการเคลือบสีเพื่อเพิ่มความคงทน โดยกระบวนการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความซับซ้อน และยากที่จะได้มาซึ่งการไล่เฉดสีแบบเดียวกันบนนาฬิกาแต่ละเรือนทั้งหมด 100 เรือน ในขณะที่ส่วนตัดบนขอบด้านนอกของขอบตัวเรือน ได้รับการออกแบบขึ้นโดย DJ Snake เอง

 

Screen Shot 2564 10 01 at 23.50.33

 

ซึ่งรอยบากเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ Big Bang DJ Snake เป็นนาฬิการุ่นที่จะจดจำได้ในทันทีและคงความโดดเด่นพร้อมความแตกต่างจากนาฬิกาในคอลเลคชั่นอื่นๆ รวมทั้งสามารถถ่ายทอดถึงความเป็น “Art of Fusion” ซึ่งเป็นปรัชญาของ HUBLOT ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ส่วนกระจกแซฟไฟร์ยังมีการถ่ายทอดไว้ด้วยสีสันเดียวกันกับตัวเรือน ที่โดดเด่นด้วยภาพแผนที่โลกซึ่งเหมือนดั่งสัญลักษณ์ของ DJ Snake ที่สื่อถึงการเดินทางมากมายหลายครั้งของเขาไปทั่วโลกเพื่อแสดงคอนเสิร์ต ทั้งยังหมายถึงเพลงฮิตที่สร้างให้โลกใบนี้กลายเป็นเสมือนบ้านของเขาส่วนด้านล่างของหน้าปัดจะเป็นแบบสเกเลตัน และผ่านการเคลือบเพื่อให้เกิดเป็นสีดำแบบฟูเม่ช่วยให้สามารถมองเห็นการทำงานของกลไก UNICO อินเฮ้าส์คาลิเบอร์ HUB1242 UNICO  แบบฟลายแบ็คโครโนกราฟที่มาพร้อมพลังสำรองลานนาน 72 ชั่วโมง

 

Screen Shot 2564 10 01 at 23.38.15

 

นาฬิกา HUBLOT รุ่น Big Bang DJ Snake จะผลิตขึ้นในแบบจำนวนจำกัดเพียง 100 เรือนทั่วโลก โดยจะมาพร้อมกับสายสองเส้น ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายด้วยระบบวันคลิกซึ่งเป็นสิทธิบัตรของ HUBLOT โดยสายชุดแรกจะผลิตจากยางลวดลายคามูฟลาจสีเทา สีดำและสีม่วง สะท้อนถึงการผสมผสานของสีสันบนตัวเรือนนาฬิกา ส่วนสายเส้นที่สองจะผลิตจากยางตกแต่งลายเส้นโครงสร้างสีดำ พร้อมชุดพับล็อคบนสายที่ยังถ่ายทอดไว้ด้วยมิติ "วงแหวนของนิวตัน" แบบเดียวกันกับบนตัวเรือนและขอบตัวเรือนนาฬิกา โดยจะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 922,000 บาท

 Screen Shot 2564 10 01 at 23.38.01

 

Screen Shot 2564 10 01 at 23.43.54