New GRAND SEIKO, Rikka & Shubun

จากหน้าปัดสีเขียวเข้มที่ชวนให้นึกถึงภาพและเสียงของริกะ (Rikka) ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 7 จาก 24 ฤดูกาลของญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อฤดูใบไม้ผลิผ่านไป อุณหภูมิจากแสงแดดที่ค่อยๆ อุ่นขึ้นจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ฤดูร้อนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว กับพืชพรรณอันเขียวขจีในญี่ปุ่นที่เจริญเติบโต และพลิ้วไหวไปมาอย่างสง่างาม ท่ามกลางสายลมแห่งต้นฤดูร้อน ซึ่งนี่คือการตีความใหม่ของนาฬิกาในตัวเรือนแบบ 62GS
กับผลงานอันมีชื่อเสียงในปี 1967 ที่มาพร้อมขอบตัวเรือนที่คมชัด และพื้นผิวที่เงาแวววาวราวกับกระจกที่ปราศจากความผิดเพี้ยน ซึ่งมีเพียงเทคนิคขัดเงาแบบซารัสซึ (Zaratsu) เท่านั้นที่จะสร้างสรรค์ขึ้นได้ ผนวกเข้ากับหน้าปัดที่กว้างด้วยโครงสร้าง แบบไร้ขอบตัวเรือนที่ทำให้ตัวเรือนแบบ 62GS มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเมื่อสวมใส่บนข้อมือ พร้อมด้วยการทำงานของกลไกอินเฮ้าส์ไฮ-บีทคาลิเบอร์ 9S85
ซึ่งเป็นงานที่ประกอบขึ้นโดยช่าง ทั้งบรุษและสตรีที่มีทักษะของสตูดิโอนาฬิกา ณ ชิซึกุอิชิ โดยมีสีเขียวสดใสบนหน้าปัด ที่ชวนให้นึกถึงสายลมอันอ่อนโยน ที่พัดผ่านทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มใกล้กับสตูดิโอ ร่วมกันขับให้โลโก้ GS และเข็มวินาทีสีทองโดดเด่นยิ่งขึ้น มาพร้อมตัวเรือนและสายที่ผลิตจากเอเวอร์-บริลเลียนท์สตีล (Ever-Brilliant Steel) ที่มีความสามารถในการต้านการกัดกร่อนที่สูง
และยังเป็นโลหะผสมสตีลที่มีค่าเพรน (PREN - Pitting Resistance Equivalent Number) สูงกว่าเกรดของโลหะที่ใช้ในนาฬิการะดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่ถึง 1.7 เท่า และสำหรับในส่วนของกลไกคาลิเบอร์ 9S85 ที่ทำงานด้วยความถี่สูงนี้ ยังได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยการหวน กลับไปคิดค้นถึงชิ้นส่วนต่างๆ มากมายอันเป็นพื้นฐาน แห่งความแม่นยำในการแสดงค่าเวลา ของนาฬิกาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เพื่อให้ได้มาซึ่งแรงบิดในระดับที่เพียงพอ ต่อการรักษาอัตราการแกว่งระดับสูงของจักรกลอก และให้พลังสำรองลานที่ยาวนานเพียงพอ ต่อการใช้งานถึงประมาณ 55 ชั่วโมงเมื่อขึ้นลานเต็ม ส่วนในนาฬิกาอีกเรือนจะมีหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ท้องฟ้ายามค่ำคืนอันสดใสในช่วงชูบุนของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 16 จากเซกกิที่ 24 อันอยู่ในช่วงเวลาของฤดูใบไม้ร่วง ที่เวลากลางวันจะเท่ากับเวลากลางคืน
โดยมีโลโก้ GS และเข็มวินาทีสีทองที่โดดเด่นสะดุดตา ทั้งยังสะท้อนถึงแสงของดวงจันทร์ และดวงดาวอันสว่างไสวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่มาพร้อมตัวเรือนอันมีเหลี่ยมมุมและผ่านการตัด อย่างคมกริบอันเป็นเอกลักษณ์ในพื้นผิวที่สมบูรณ์แบบ และปราศจากการบิดเบี้ยวของเงาสะท้อนเช่นกัน โดยมีการออกแบบหน้าปัดให้ดูกว้าง เพื่อให้นาฬิกาทั้งสองเรือนนี้มีความสมบูรณ์แบบอย่างครบถ้วน