GRAND SEIKO Pop-Up Store at KING POWER
กลไกคาลิเบอร์ 9S ถือเป็นชุดกลไกที่ GRAND SEIKO ออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1998 และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ แห่งการผลิตนาฬิกากลไกของแบรนด์ พร้อมประสิทธิภาพความเที่ยงตรงในมาตรฐานใหม่ที่เรียกว่า ‘Grand Seiko Standard’ โดยเป็นระดับที่เหนือกว่ามาตรฐาน ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในอุตสาหกรรมนาฬิกา ดังนั้นในโอกาสนี้ GRAND SEIKO จึงจัดงาน The World of GRAND SEIKO เพื่อการฉลองครบรอบ 25 ปีของกลไกคาลิเบอร์ 9S
พร้อมการเปิด GRAND SEIKO Pop-Up Store ซึ่งถูกตกแต่งในคอนเซ็ปท์ที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของแบรนด์คือ Alive in Time เพื่อแสดงให้เห็นถึงดีไซน์อันงดงามเหนือกาลเวลา พร้อมความประณีตของคราฟส์แมนชิพแบบญี่ปุ่น ที่ผสานนวัตกรรมสุดล้ำเพื่อให้ได้เรือนเวลาที่เที่ยงตรง อันเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ รวมไปถึงการออกแบบหน้าปัด ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบสตูดิโอชิสุกุอิชิ สถานที่ที่นาฬิกากลไกของ GRAND SEIKO ทุกเรือนถูกรังสรรค์ขึ้น
ท่ามกลางตัวแทนรับเชิญคนพิเศษมากมายเช่น ลุค- อิชิคาว่า พลาวเดน, ต่อ- ธนภพ ลีรัตนขจร และเหล่าเซเลบริตี้คนรักนาฬิกาทั้ง จูน - สาวิตรี โรจนพฤกษ์, โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร โดยมี Mr. Akira Sakairi กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก ประเทศไทย จำกัด และคุณปวริศร์ เอี่ยมเอกพัฒนา Luxury Group Director บริษัท ไซโก ประเทศไทย จำกัด ให้การต้อนรับทั้งผู้รับเชิญ ลูกค้าคนพิเศษ พร้อมทั้งสื่อมวลชนแขนงต่างๆ มากมาย ณ คราวน์เอเทรียม คิงเพาเวอร์รางน้ำ
โดย Mr. Akira Sakairi เผยว่านาฬิกา GRAND SEIKO เรือนแรกเผยโฉมขึ้นในปี 1960 ด้วยรูปทรงอันเรียบง่ายและสง่างาม แต่แฝงไปด้วยดีเทลในทุกมิติของทุกชิ้นงาน ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบของ GRAND SEIKO Style ซึ่งสำหรับกลไกคาลิเบอร์ 9S จะเป็นกลไกที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดซึ่งเปิดตัวในปี 1998 และเป็นตัวแทนแห่งการแสวงหาความเที่ยงตรง และแม่นยำระดับสูงอย่างไม่สิ้นสุดของแบรนด์ รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคใหม่ ในการผลิตนาฬิกาแบบกลไกของแบรนด์
ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเองที่มาตรฐาน ‘GRAN SEIKO Standard’ ได้ถูกนิยามขึ้นใหม่โดยยกระดับมาตรฐาน ในการผลิตนาฬิกาของแบรนด์ และกำหนดระดับประสิทธิภาพขึ้นใหม่ ซึ่งเหนือกว่ามาตรฐานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกา โดยตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่กลไกคาลิเบอร์ 9Sแบบแรกได้ถูกพัฒนาขึ้น จนนำมาสู่การเป็นซีรี่ส์กลไกที่สมบูรณ์แบบ ด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย จากการพัฒนาและต่อยอดความสำเร็จของทีมช่างนาฬิกา GRAND SEIKO
และอีกหนึ่งประวัติศาสตร์บทใหม่ของ GRAND SEIKO กับกลไกโครโนกราฟแบบแรก ที่เป็นกลไกแบบไฮ-บีท พร้อมการทำงานที่ความถี่ 10 ครั้งต่อวินาที และมีพลังสำรองลานยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกา ณ ขณะนี้ โดยชื่อ Tentagraph มาจาก “TEN” ที่เป็นความถี่การทำงานระดับ 10-บีท “T” มาจากพลังสำรองลานที่นานถึง 3 วัน แม้ในขณะที่กลไกจับเวลาทำงานอยู่ และ “A” มาจากการเป็นกลไกอัตโนมัติรวมทั้ง “Graph” ที่มาจากการเป็นกลไกโครโนกราฟ โดยสามารถจับเวลาได้นานสูงสุดถึง 12 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนาฬิกา 3เรือนสำคัญของแบรนด์ทั้ง Evolution 9 Collection Tentagraph, Ref. SLGC001 นาฬิกาสปอร์ตจากคอลเลกชั่น Evolution 9 เพิ่งเปิดตัวที่งาน Watches & Wonders 2023 โดยจะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 557,500 บาท ต่อมาคือ Evolution 9 Collection White Birch, Ref. SLGH005 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความมีชีวิตชีวา ของป่าต้นเบิร์ชสีขาวใกล้กับสตูดิโอชิสุกุอิชิ สถานที่ที่นาฬิกากลไกของแบรนด์ทุกเรือนถูกรังสรรค์ขึ้น พร้อมราคาจำหน่ายที่ 321,000 บาท
สุดท้ายคือ Kodo Constant-force Tourbillon นาฬิการุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพียง 20 เรือนทั่วโลกเท่านั้น โดดเด่นด้วยการเป็นนาฬิการุ่นแรกในโลก ที่รวมกลไกแบบคอนสแตนท์ฟอร์ซและตูร์บิยองเข้าไว้ด้วยกัน โดยได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการตัดสินของงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève (GPHG) ประจำปี 2022 ด้วยรางวัล ‘Chronométrie’ โดย Kodo ซึ่งเป็นคำในภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึงการเต้นของหัวใจ จะมีราคาจำหน่ายโดยประมาณที่ 14,560,000 บาท ซึ่งในขณะนี้จำหน่ายหมดไปเรียบร้อยแล้ว
สามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.grandseikoboutiquethailand.com , Facebook: GRAND SEIKO Thailand official , Instagram: grandseikothailand, และ Line Official : GRAND SEIKO Thailand