The 25th Anniversary of the 9S Mechanical Calibers from GRAND SEIKO

ในปี 1998 เราได้เห็นการเปิดตัวเจเนอเรชั่นใหม่ของกลไกจักรกลจากนาฬิกา GRAND SEIKO คาลิเบอร์ต่างๆ โดยผ่านการออกแบบและผลิตขึ้นทั้งหมดภายในโรงงานของตนเอง โดยกลไกคาลิเบอร์ 9S ซีรี่ส์ชุดแรกๆ นั้นเปี่ยมด้วยนวัตกรรมทั้งในแง่ของออกแบบและฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมทั้งกลไกเหล่านี้ยังสร้างสรรค์ซึ่งมาตรฐานแห่ง GRAND SEIKO ในรูปแบบใหม่ที่เป็นการยกระดับแบรนด์ให้สูงขึ้นพร้อมทั้งมอบเป็นดั่งตัวอย่างอันดีเลิศในตลอด 25 ปีที่ผ่านมาให้กับการรังสรรค์กลไกจักรกลชุดต่อๆ มาอันมีความเที่ยงตรงสูงเป็นบรรทัดฐานและเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 25 ปีของกลไกคาลิเบอร์ 9S ซีรี่ส์ GRAND SEIKO จึงขอเชิญให้ทุกคนร่วมสำรวจถึงแนวความคิด เทคโนโลยี

 

img022

 

และงานออกแบบต่างๆ ที่เป็นดั่งหัวใจของกลไกอันน่าทึ่งเหล่านี้ ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของกลไกชุดซีรี่ส์นี้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2022 ผู้ที่เข้าเยี่ยมชมงาน Watches and Wondersในเจนีวา ต่างได้มีโอกาสเป็นสักขีพยานในการเปิดตัวนาฬิกา GRAND SEIKO Kodo Constant-force Tourbillon ที่ถือเป็นนาฬิกาที่สร้างความประทับใจอย่างมากจากลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครของกลไกคาลิเบอร์ 9ST1 ที่มีระดับความซับซ้อนสูงคาลิเบอร์แรกของแบรนด์

 

Screen Shot 2566 03 26 at 19.07.24

 

จากช่วงเดือนกันยายน 2020 ที่ GRAND SEIKO ได้แนะนำผลงานแนวคิด T0 Constant-force Tourbillon ให้โลกได้รู้จัก พร้อมเสียงตอบรับในเชิงบวกที่ทำให้ตัดสินใจได้ในทันทีว่า T0 ควรถูกนำไปผลิตออกจำหน่ายจริง โดยส่วนประกอบที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 340 ชิ้น จะต้องได้รับการตรวจสอบอีกครั้ง และทำการออกแบบขึ้นมาใหม่ในส่วนที่จำเป็นจนเป็นผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ Kodo ที่หมายถึงการเต้นของหัวใจ ในภาษาญี่ปุ่น โดยนาฬิกาเรือนนี้ถือเป็นนาฬิกาที่รวมกลไกตูร์บิยอง และระบบที่ช่วยควบคุมความคงที่ของแรงสู่จักรกลอกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การผลิตนาฬิกา

 Screen Shot 2566 03 26 at 20.08.31

นวัตกรรมนี้เป็นมากกว่าความสำเร็จทางเทคนิค เพราะเป็นการมอบระดับความแม่นยำที่สูงเป็นพิเศษพร้อมกับเสถียรภาพ ซึ่งคุณภาพที่กล่าวมานี้ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการตัดสินของเวที Grand Prix d’Horlogerie de Genève 2022 ด้วยรางวัล ‘Chronométrie’ จากแนวคิดการรวมระบบกลไกทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันที่ช่วยก่อให้เกิดภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ นั่นก็คือภาพของกรงตูร์บิยองซึ่งอยู่ด้านใน เคลื่อนหมุนอย่างราบรื่นในขณะที่จักรกลอกขยับตัวอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 8 ครั้งต่อวินาที และชุดคอนสแตนท์-ฟอร์จซึ่งอยู่ด้านนอก ที่หมุนตามในลักษณะของการกระโดดเป็นจังหวะละ 1 วินาที

 

Screen Shot 2566 03 26 at 20.15.27

 

พร้อมเสียงอันเกิดจากกลไกตูร์บิยองและแรงกระตุ้น 1 ครั้งต่อวินาทีของชุดคอนสแตนท์-ฟอร์จเมื่อประสานเข้ากับจังหวะที่มองเห็นด้วยสายตาเช่นนี้ ได้สร้างลักษณะการเต้นของหัวใจที่น่าพึงพอใจและน่าประทับใจอย่างยิ่งต่อทั้งสายตาและโสตสัมผัสซึ่งนับได้ว่า “ความแม่นยำระดับสูง” ถือเป็นศูนย์กลางแห่งอุดมคติของ GRAND SEIKO อย่างที่เป็นมาโดยตลอดจากการที่เหล่านักออกแบบต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างสรรค์คาลิเบอร์ชนิดความถี่สูง เพราะยิ่งอัตราการเดินของจักรกลอกสูงขึ้นเท่าไหร่ นาฬิกาก็ยิ่งต้านทานต่อแรงกระทำจากภายนอกได้มากขึ้นเท่านั้น

 

Screen Shot 2566 03 26 at 20.15.35

 

และที่สำคัญ ความแม่นยำของนาฬิกาก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย อย่างเช่นการที่กลไกแบบไฮ-บีท 36000 คาลิเบอร์ 9S85 ซึ่งเปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 2009 ได้บรรลุถึงความท้าทายนี้ และได้มอบการผสมผสานความแม่นยำระดับสูง ความทนทาน และการสำรองพลังงานได้ยาวนานยิ่งขึ้นให้กับกลไก ทั้งยังทำให้นาฬิกาทุกเรือนมีความชัดเจนในการอ่านค่า ตลอดจนมีขนาดที่สวมใส่สบายบนข้อมือ ตามคุณลักษณะของหลักการออกแบบของ GRAND SEIKO Style พร้อมทั้งวัสดุชนิดใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับใช้ผลิตเป็นสายใยจักรกลอกและสปริงลาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากลไกจะมีพลังสำรองลานได้นานถึง 55 ชั่วโมง

 

Screen Shot 2566 03 26 at 20.10.39

 

ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับกลไกประเภทนี้พร้อมทั้งมีระดับความแม่นยำที่คงที่ นอกจากนี้ยังมีความก้าวหน้าสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การใช้เทคโนโลยีไมโครอิเล็กโตรแมคานิคัลซิสเต็มส (MEMS : เมมส์) เพื่อลดน้ำหนักของจักรปล่อยและพัลเลทฟอร์ก ซึ่งทำให้ชิ้นส่วนทั้งสองมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังช่วยทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้มีรูปร่างที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมากลไกซีรี่ส์ 9S ไฮ-บีทก็ได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงกลไกคาลิเบอร์ 9SA5 อันน่าทึ่งในปัจจุบันที่สามารถให้พลังสำรองลานได้นานถึง 80 ชั่วโมง ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาล่าสุดด้วย

 
 
Screen Shot 2566 03 26 at 20.18.36