GRAND SEIKO Boutique Exclusive, Part II
เรือนเวลาจาก GRAND SEIKO อันแสนพิเศษที่ถูกเรียกว่า Boutique Exclusive Limited Edition ซึ่งหมายถึงเป็นนาฬิกาที่ผลิตในแบบจำนวนจำกัด ที่จะมีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่บูติคของนาฬิกา GRAND SEIKO โดยบนวงขอบฝาหลังจะมีการสลักข้อความ ‘GRAND SEIKO Boutique Limited Edition’ ไว้อย่างชัดเจนเพื่อบ่งบอกถึงความพิเศษเฉพาะตัว และนี่คือนาฬิกาอีก 2 เรือน
GRAND SEIKO Sport Collection, Ref. SBGE251 ถือเป็นนาฬิกากลไกสปริงไดร์ฟที่สามารถแสดงได้ถึง 3 ไทม์โซนเวลาพร้อมขอบเบเซิลที่ผลิตขึ้นจากโรสโกลด์ โดยเป็นนาฬิกาสไตล์สปอร์ตแบบแรกของ GRAND SEIKO ที่ติดตั้งขอบเบเซิลชนิดหมุนที่มาพร้อมสเกลแสดงเวลา24 ชั่วโมง โดยขอบเบเซิลแบบโรสโกลด์นี้ร่วมกับพื้นสีดำ ผนึกด้วยวงแหวนกระจกแซพไฟร์ สามารถใช้เพื่อปรับตั้งการแสดงเวลาของเขตเวลาที่ 3 ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย มอบความงามหรูบนตัวเรือนสตีลขนาด 44 มิลลิเมตรได้อย่างลงตัว
โดยองค์ประกอบของสีโรสโกลด์ จะปรากฎขึ้นได้อย่างลงตัวและเหมาะกับวัสดุหลักที่เป็นสตีล ทั้งเม็ดมะยมประทับตรา ‘GS’ บนชุดล็อกสาย ตลอดจนตำแหน่งต่างๆ บนหน้าปัดและฝาหลัง โดยมีหลักแสดงเวลาและเข็มสีโรสโกลด์บนหน้าปัดสีดำสนิท ที่ตกแต่งผิวมาในรูปแบบซันเบริส์ทดุจรัศมีแสงอาทิตย์ ล้อมด้วยขอบเบเซิลโรสโกลด์ เพื่อให้นึกถึงภาพความงามยามรุ่งอรุณ ในมุมมองจากบนเครื่องบินที่ลอยล่องอยู่บนฟากฟ้า ขณะที่เข็มแสดงเวลาจีเอ็มทีซึ่งชี้แสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมง จะชี้ไปยังสเกลบนแนวขอบเบเซิลโดยเลือกใช้สีที่ต่างออกไปเพื่อให้แยกแยะเข็มได้อย่างชัดเจนที่สุด
พร้อมตราสัญลักษณ์สิงโตอันเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิของ GRAND SEIKO และข้อความบ่งบอกความพิเศษของนาฬิกา ที่ต่างก็ถูกพิมพ์ด้วยสีโรสโกลด์ลงบนกระจกแซพไฟร์ ของฝาหลังโดยมีพื้นหลังเป็นงานตกแต่งอันสวยงามบนผิวชิ้นส่วนของกลไกสปริงไดร์ฟคาลิเบอร์ 9R66 ที่ให้พลังสำรองลานได้นานถึง 3 วันด้วยความเที่ยงตรงถึงระดับ ±1 วินาทีต่อวัน โดยจะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 455,400 บาท
และนาฬิกาเรือนสุดท้ายคือ GRAND SEIKO Sport Collection, Ref. SBGC244 กลไกสปริงไดร์ฟโครโนกราฟพร้อมฟังก์ชั่นจีเอ็มที ที่เลอค่าด้วยขอบเบเซิลโรสโกลด์เช่นเดียวกัน ในตัวเรือนสตีลขนาด 43.8 มิลลิเมตร โดยมีทั้งวงขอบเบเซิลดีไซน์ 12 เหลี่ยมมุม เม็ดมะยม และปุ่มกดจับเวลาขนาดใหญ่ ร่วมด้วยวงขอบหน้าปัด หลักบอกเวลา และเข็มแสดงเวลา รวมทั้งกรอบวันที่ ตลอดไปจนถึงอักษร ‘GS’ บนหน้าปัดที่จะเป็นสีโรสโกลด์เข้ากันทั้งหมด
โดยด้านหน้าของวงขอบเบเซิล จะถูกผนึกด้วยแผ่นวงแหวนเซอร์โคเนียเซรามิคสีดำ สลักสเกลทาคีมิเตอร์สีขาว ที่ขับเน้นความเป็นเรือนเวลาสปอร์ตให้โดดเด่น และมีความงดงามที่แข็งแกร่งไปพร้อมกัน ร่วมด้วยหน้าปัดสีดำลายซันเรย์ ที่มอบประกายดุจลำแสงของดวงอาทิตย์ พร้อมวงหน้าปัดขนาดเล็กที่ได้รับการปัดผิวในแบบเส้นวง เพื่อให้แตกต่างจากพื้นหน้าปัดหลัก และแม้จะมีเข็มทั้งหมดมากถึง 7 ชุด แต่เข็มแสดงการจับเวลาและเข็มจีเอ็มที ก็ยังถูกให้สีที่ต่างไปจากเข็มแสดงเวลา เพื่อความชัดเจนสูงสุดในการอ่านค่าตามปรัชญาดีไซน์ของGRAND SEIKO
ทำงานด้วยกลไกสปริงไดร์ฟที่ให้พลังสำรองลานนาน 3 วัน กับกลไกคาลิเบอร์ 9R86 ที่ถือเป็นหนึ่งในกลไกที่มีความซับซ้อนยิ่งของ GRAND SEIKO ด้วยความสามารถในการจับเวลารวมได้ถึง 12 ชั่วโมงด้วยการทำงานของเวอร์ติคัลคลัตช์ และคอลัมน์วีลที่ถือเป็นชุดโครโนกราฟแบบคลาสสิค พร้อมฟังก์ชั่นจีเอ็มทีที่แสดงเวลาที่สองแบบ 24 ชั่วโมง ร่วมด้วยฟังก์ชั่นแสดงวันที่และฟังก์ชั่นแสดงพลังสำรองลาน โดยยังคงประสิทธิภาพแห่งความเที่ยงตรงถีงระดับ ±1 วินาทีต่อวัน โดยมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 710,600 บาท ซึ่งทั้งหมดนี้คือเรือนเวลาเหนือระดับทั้ง 4 รุ่นของนาฬิกา GRAND SEIKO Boutique Exclusive Models ซึ่งสามารถพบและสัมผัสได้แล้ววันนี้ที่บูติคนาฬิกา GRAND SEIKO เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ชั้น 1 เกสรวิลเลจ
สามารถติดตามบทความครั้งก่อนหน้านี้ได้ที่ GRAND SEIKO Boutique Exclusive, Part I