New GRAND SEIKO Heritage Collection, Ref. SLGA007
Kintaro Hattori ก่อตั้งบริษัทของเขาขึ้นเมื่อปี 1881 และเป็นผู้นำบริษัทจนกระทั่งจากไปในปี 1934 ในวัย 73 ปี โดยมีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจคือ “ก้าวนำหน้าผู้อื่นหนึ่งก้าวเสมอ” และถึงแม้ว่า GRAND SEIKO จะสร้างสรรค์ขึ้นในปี 1960 แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะแสดงถึงพลังแห่งวิสัยทัศน์ของเขาได้ดีไปกว่า ดีไซน์ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์พร้อมกระบวนการผลิตชั้นสูง และงานการขัดแต่งที่เปี่ยมไปด้วยความประณีตของ GRAND SEIKO ดังนั้นในวันนี้ GRAND SEIKO จึงร่วมฉลองครบรอบ 140 ปีของการก่อตั้งบริษัท ด้วยผลงานสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกสปริงไดร์ฟชุดใหม่ ในรหัสคาลิเบอร์ 9RA2 พร้อมพื้นหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผิวน้ำที่สงบนิ่งของทะเลสาบซูวะ ซึ่งอยู่ใกล้กับชินชูวอทช์สตูดิโอ สถานที่ผลิตนาฬิกาเรือนนี้ ที่บรรยากาศโดยรอบล้วนส่งให้เกิดเป็นแรงผลักดันในการผลิตนาฬิกาอันงดงามนี้ขึ้น
หน้าปัดโดดเด่นด้วยลวดลายที่ชวนให้นึกถึงผิวน้ำของทะเลสาบซูวะ ด้วยริ้วระลอกคลื่นบางๆ ที่สร้างประกายให้กับหน้าปัดในทุกมุมที่รับแสง เมื่อรวมกับการเคลื่อนตัวอันเรียบลื่นของเข็มวินาที อันเป็นเอกลักษณ์ของกลไกสปริงไดร์ฟ จึงทำให้มองเห็นพื้นหน้าปัดเสมือนกับภาพความสงบและราบรื่น โดยเข็มวินาทีและตัวอักษร GRAND SEIKO สีทอง จะสะท้อนถึงพระอาทิตย์ที่ทอแสงในยามเช้า ส่องประกายระยิบระยับเหนือผิวน้ำของทะเลสาบ ผนวกเข้ากับการทำงานด้วยกลไกสปริงไดร์ฟที่เปี่ยมด้วยพลังสำรองลานนานถึง 5 วัน ซึ่งสืบทอดคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมทั้งหมดมาจากกลไกสปริงไดร์ฟคาลิเบอร์ 9RA5 พร้อมการย้ายมาตรวัดพลังสำรองลานไปอยู่ด้านหลังของชุดกลไก ที่ทำให้นาฬิกามีความเพรียวบาง เสริมเอกลักษณ์งานฝีมืออันวิจิตรบนพื้นหน้าปัดให้กับ GRAND SEIKO ไปอีกระดับ
เสน่ห์และความงดงามของกลไกที่เรียบง่าย เผยให้เห็นความงามในแบบญี่ปุ่นอันเปี่ยมเอกลักษณ์และมีชื่อเสียงของ GRAND SEIKO โดยพื้นผิวที่ละเอียดอ่อนของงานขัดแต่งบนแท่นกลไก สะท้อนถึงความเย็นยะเยือกที่ฤดูหนาวนำมาสู่เมืองชินชู ที่ซึ่งนาฬิกากลไกสปริงไดร์ฟทั้งหมดได้รับการผลิตขึ้น ทั้งลายเส้นบนชิ้นบริจด์และขอบหลุมที่ตัดด้วยเครื่องตัดจากเพชร ทำให้เกิดการสะท้อนแสงจากทุกมุม รวมไปถึงเข็มแสดงมาตรวัดพลังสำรองลานสีน้ำเงิน ที่เกิดขึ้นจากการเผาด้วยความร้อน เพื่อเพิ่มความแวววาวอันเงียบสงบอย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมความบางที่สุดเท่าที่กลไกสปริงไดร์ฟเคยสร้างสรรค์มา จากการออกแบบและการจัดวางตำแหน่งใหม่ของชุดเมจิคลีเวอร์ ให้ติดตั้งในลักษณะที่เยื้องศูนย์เพื่อทำให้ชุดกลไกมีความหนาลดลง นอกจากนั้นการปรับแต่งชุดเข็มนาฬิกา ยังมีส่วนในการช่วยที่ทำให้ภาพรวมของตัวนาฬิกาดูมีความเพรียวบางลงด้วยเช่นกัน
การออกแบบของนาฬิการุ่นนี้สอดคล้องกับ GRAND SEIKO Style ที่นิยามไว้ตั้งแต่ปี 1967 ในนาฬิการุ่น 44GS ที่โด่งดัง พร้อมการผสมผสานความร่วมสมัยที่แสดงออกถึงบุคลิกอันเงียบสงบ ทว่าแข็งแกร่งของ GRAND SEIKO ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยชุดเข็มอันทรงพลังและมาร์กเกอร์แสดงเวลาชั่วโมงจะมีการเซาะร่องให้เห็นได้อย่างเด่นชัด เพื่อช่วยให้การอ่านค่าที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมการขัดเงาแบบซารัทซึที่ให้ผิวของชิ้นงานเงาแวววาวราวกับกระจก โดยปราศจากความผิดเพี้ยนของภาพที่สะท้อนออกมา ผนวกกับการตกแต่งด้วยลายริ้วบางราวเส้นผมที่ละเอียดอ่อน ที่ช่วยทำให้ตัวเรือนสามารถเปล่งประกายและกลมกลืนกันได้อย่างงามสง่า นอกจากนี้ตัวเรือนที่มีขาตัวเรือนที่กว้างและจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่านาฬิกาจะแนบบนข้อมือและสวมใส่ได้อย่างง่ายดายที่สุด
ตัวเรือนสตีลขนาด 40.0 มิลลิเมตร หนา 11.8 มิลลิเมตร พร้อมสายนาฬิกาและบานพับล็อคสายแบบ 3 ทบกับปุ่มกดคลายล็อค กระจกแซฟไฟร์ทรงโค้งคู่พร้อมการเคลือบสารกันแสงสะท้อน และฝาหลังกรุกระจกแซฟไฟร์ เพื่อให้เห็นความงดงามของชุดกลไก ที่มีเม็ดมะยมเป็นแบบขันเกลียวแน่น พร้อมความสามารถในการป้องกันสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ 4,800 แอมป์/เมตร และความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ 10 บาร์ กับความเที่ยงตรงในการแสดงเวลาที่ระดับ +/- 0.5 วินาทีต่อวัน (+/- 10 วินาทีต่อเดือน) โดยนาฬิกา GRAND SEIKO, Heritage Collection, Seiko 140th Anniversary Limited Edition ใน Ref. SLGA007 นี้จะวางจำหน่ายในแบบผลิตจำนวนจำกัดเพียง 2,021 เรือนเฉพาะที่บูติคของนาฬิกา GRAND SEIKO และตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา GRAND SEIKO ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วทั่วโลกในเดือนธันวาคม 2021 โดยจะมีจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคา 308,000 บาท