Hands-On GRAND SEIKO, Heritage Collection Ref. SBGJ241 By Promote
ระยะหลังมานี้ GRAND SEIKO ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่มีฟอร์มสวยมาก และเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เป็นที่จับตามองของคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตลาดนาฬิกา ที่มีคนให้ความสนใจและอยากเป็นเจ้าของมากขึ้นๆ เมื่อเทียบกับเมื่อช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมายิ่งจะเห็นได้ชัด ที่ต้องบอกว่าอย่างหนึ่งทั้งจากทางการตลาด การระดมเปิดตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาซึ่งถือเป็นหนึ่งตลาดที่หินมาก เนื่องจากใหญ่โตและมีความหลากหลายที่แตกต่าง รวมไปถึงตลาดรองโดยรวมทั้งโลกและในบ้านตัวเองด้วย รวมความทำให้ GRAND SEIKO กลายเป็นแบรนด์ที่พิเศษ
และสำหรับนาฬิกา GRAND SEIKO ในตัวเรือนแบบ 44GS ที่ถือเป็นเรื่องของความเชยในความรู้สึกของผมและคนทั่วไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว แต่สำหรับวันนี้แล้ว ตัวเรือน 44GS กลับกลายเป็นความสวยงามแบบที่อดใจจะรักได้ยากมากๆ และเหมือนเดิม สำหรับความรู้สึกของผม.. และคนทั่วไป จากความเป็นจริงที่ว่า นั่นก็เป็นเพราะเวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้อยู่กับความรู้สึกประมาณนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนาฬิกา กับความเชยที่วันนี้กลายเป็นความวินเทจ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ของโลกยุคปัจจุบัน รวมความกับที่ขาตัวเรือนของนาฬิกามีความเงาแว๊บ สัมผัสสายตาของทุกผู้คนอย่างแรงในแว่ปแรก
ซึ่งนาฬิกาใน Heritage Collection Ref. SBGJ241 ก็เป็นหนึ่งเรือนที่ผมตัดสินใจเป็นเจ้าของทันทีที่พร้อม โดยมีเหตุผลหลักจากการที่นาฬิการุ่นนี้ผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นจำนวน 700 เรือน พร้อมจำนวนในการนำเข้ามาในประเทศไทยเพียงไม่ถึง 30 เรือน ซึ่งก็คงต้องตัดสินใจเร็วหน่อยหากอยากเป็นเจ้าของ โดยมีปัจจัยสำคัญก็คือหน้าปัดในการตัดสินใจ เพราะหน้าปัดในยุคปัจจุบันถือเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดและจับต้องได้ในทันที กับโทนสีเขียวแบบรุ้งที่นักสะสมบางกลุ่มเรียกกันว่า Matrix ตามชื่อภาพยนตร์ชื่อดังของฮอลลีวู๊ด ซึ่งจริงๆ แล้ว GRAND SEIKO ต้องการสื่อให้เห็นถึงความสวยงามของทิวทัศน์ธรรมชาติของญี่ปุ่น
ก็อาจลึกไปที่จะจินตนาการตามอย่างแรงบันดาลใจที่มี แต่เมื่อเพ่งพินิจบนหน้าปัดนาฬิกา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของคนที่รัก ที่จะจ้องมองหน้าปัดนาฬิกาอยู่นานๆ มากกว่าปกติ ก็ทำให้นึกและคิดตามไปได้ในระดับหนี่งเหมือนกัน กับความลึกซึ้งของสีสันและลวดลายบนหน้าปัด จากลายริ้วที่มีทั้งร่องลึกและร่องตื้น จนรวมกันกลายเป็นความซับซ้อน ลึกลับ รวมทั้งทำให้เกิดความน่าสนใจในหน้าปัดนี้ ผนวกกับเข็มขนาดใหญ่โตและเงางามสุดๆ ตามสไตล์ของนาฬิกาจาก GRAND SEIKO พร้อมกับดีเทลของความเงางามบนมาร์กเกอร์ ที่เงางามจนเกินจะเงางามตามปกติทั่วไป
และเข้ากันได้ดีกับความเงางามของตัวเรือน โดยเฉพาะในตัวเรือนแบบ 44GS ที่เงา เง๊าเงา บริเวณขาตัวเรือน ที่เชื่อแน่ว่าคนที่ไม่ชอบเลยกับความเงา คงเกลียดนาฬิกาเรือนนี้น่าดู แต่ก็สำหรับยุคปัจจุบัน กับความโดดเด่นของความเงางามและโดดเด่นของหน้าปัด ก็เชื่อแน่ว่าจะไปกันได้ดีกับผู้คนในยุคนี้อย่างแน่นอน ในฟังก์ชั่นแบบจีเอ็มทีพร้อมกลไกแบบไฮ-บีท ที่เป็นอีกส่วนที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำให้นาฬิกาเรือนนี้ดูยิ่งน่าสนใจมากขึ้น เพราะในขณะที่ฟังก์ชั่นจีเอ็มทีถือเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน พร้อมๆ กับที่กลไกไฮ-บีทที่มีความถี่ถึง 36,000 รอบต่อชั่วโมง ก็ถือเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ว่าพิเศษจริง
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของความเงาและแวววาว ของทั้งกรอบหน้าต่างวันที่และเข็มวินาที รวมไปถึงสเกลแสดงเวลาจีเอ็มทีบนอินเนอร์ริง ที่ให้สีสันสองโทนสีเพื่อแสดงความแตกต่างของช่วงเวลากลางวันและกลางคืน พร้อมการกำกับด้วยโลโก้ GS Grand Seiko บนหน้าปัดอันโดดเด่น โดยมีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสัมผัสบนข้อมือ ที่เรียกได้ว่าสร้างสัมผัสของนาฬิกาบนข้อมือได้ดีที่สุดเรือนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานการรับกับข้อมือที่ทำได้ดีกับตัวเรือนในขนาด 40 มิลลิเมตร พร้อมความหนาที่ 14 มิลลิเมตรที่อาจมีความหนามากไปนิด แต่ยอมรับได้กับภาพรวมที่ได้รับ
นั่นก็เพราะว่าสายนาฬิกา อันเป็นหนึ่งในรูปแบบสำคัญของนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ ที่ทำให้การสวมใส่เป็นไปด้วยความสะดวก พร้อมความรู้สึกในการสวมใส่ที่สบาย แม้จะต้องมีการลองใส่และปรับข้อสายอยู่สองสามครั้งก็ตาม แต่นั่นก็เพราะอากาศในประเทศไทยมีความชื้นสูง จึงต้องใช้เวลาปรับตัวมากหน่อย และที่ยังต้องตอกย้ำอีกครั้งคือเรื่องของภาพลักษณ์และสีสันบนหน้าปัด เพราะร่องต่างๆ เหล่านี้เป็นร่องที่สร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความแตกต่างของสีสันขึ้น บางครั้งดำมืดสนิท บางครั้งโปร่งแสง บางครั้งสะท้อนให้เกิดโทนสีเขียวทั้งอ่อนและเข้ม สลับปรับเปลี่ยนไปตลอดเวลาที่เจอระดับแสงที่แตกต่างกัน
จึงน่าจะสรุปได้ว่านี่คือสิ่งที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้โดดเด่นกว่านาฬิการุ่นปกติ โดยยังคงพื้นฐานของนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ไว้ได้อย่างครบถ้วนอย่างน่าทึ่ง ที่ผมอยากจะบอกว่า นี่คือเสน่ห์ของนาฬิการะดับสูงจากญี่ปุ่นอย่างแท้จริง อย่างที่ผู้ที่เคยสัมผัสนาฬิกาจากฟากฝั่งยุโรป จะสัมผัสไม่ได้อย่างแน่นอน
กรุณาติดตามบทความจากการใช้งานของนาฬิการุ่นนี้ในบทความครั้งต่อไปเร็วๆ นี้