GRAND SEIKO, จากอดีตสู่อนาคต ตอนที่ 2
นาฬิการุ่น 44GS ที่ผลิตจากไดนิไซโกชา ซึ่งปัจจุบันก็คือโรงงานไซโกอินทรูเมนท์ ที่เพิ่งเริ่มต้นสายการผลิตขึ้นในปี 1967 ซึ่งถือเป็นนาฬิการุ่นแรกที่ออกแบบตามแนวหลักเกณฑ์ของ GRAND SEIKO Style และสืบทอดต่อมาจนถึงนาฬิกาในหลากหลายรุ่นในทุกวันนี้ รวมทั้งนาฬิการุ่น 62GS ที่มีเม็ดมะยมแบบเรียบเนียนกับตัวเรือน ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา เพื่อสื่อให้เห็นว่านาฬิการุ่นนี้เป็นกลไกอัตโนมัติ และไม่ต้องการการไขลานอีกต่อไป ต่อเนื่องไปถึงนาฬิการุ่น 61GS ในปี 1968 ที่ใช้กลไกอัตในมัติในความถี่สูงถึงระดับ 36,000 รอบต่อชั่วโมง และ GRAND SEIKO เรียกความถี่ชนิดนี้ว่า Hi-Beat และเป็นข้อความประดับบนหน้าปัด
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 62GS
ถัดมาคือนาฬิการุ่น 45GS ในปี 1968 พร้อมกลไกอัตโนมัติไฮ-บีทเช่นเดียวกัน แต่มีความบาง ความทนทาน และความสม่ำเสมอในการทำงาน จนส่งผลให้เกิดความเที่ยงตรงในระดับที่สูงขึ้นอีกขั้น ซึ่งในปีเดียวกัน นาฬิการุ่น 19GS ซึ่งเป็นนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีรุ่นแรกจาก GRAN SEIKO จึงมีการแนะนำสู่ตลาด ในรูปลักษณ์ตัวเรือนที่อ่อนช้อย แต่แฝงด้วยกลไกการทำงานแบบอัตโนมัติไฮ-บีทคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน ต่อเนื่องด้วยนาฬิกาในปี 1969 กับรุ่น 61GS V.F.S (Very Fine Adjusted) ที่มีความเที่ยงตรงในระดับที่ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ กับอัตราความเที่ยงตรงที่เพียง +/1 นาทีต่อเดือน
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 61GS
และในปีเดียวกันนั้นเองที่ GRAND SEIKO ยังคงนำเสนอความล้ำหน้าอย่างต่อเนื่องกับนาฬิการุ่น 45GS V.F.A. กับตัวเรือนรูปทรงที่แตกต่าง ซึ่งสำหรับรูปทรงตัวเรือนต่างๆ นี้ ยังมีนาฬิการุ่น 56GS ในปี 1970 ที่ GRAND SEIKO นำเสนอพร้อมแนวคิดในการท้าทายขนาดความบางของตัวเรือน โดยมีความหนาเพียง 4.5 มิลลิเมตร แต่ยังคงความเที่ยงตรงในระดับสูงของกลไกแบบไฮ-บีท พร้อมการสวมใส่ที่สะดวกและสบายข้อมือในรูปทรงโค้งมนของตัวเรือน และต่อเนื่องกับนาฬิการุ่น 61GS Special ที่มีความเที่ยงตรงสูงและเป็นมาตราฐานใหม่ของนาฬิกาจาก GRAND SEIKO
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 19GS
โดยปิดท้ายยุคนาฬิกากลไกในช่วงต้นของ GRAND SEIKO ด้วยการนำเสนอนาฬิกาสำหรับคุณสุภาพสตรี พร้อมความเที่ยงตรงในระดับสูงสุดกับนาฬิการุ่น 19GS V.F.A. ที่มีตัวเรือนทรงเหลี่ยมตัดมุมที่ดูแปลกตา และยังเป็นการเปิดตลาดใหม่ในนาฬิกาสำหรับคุณสุภาพสตรี ที่ต้องการความเที่ยงตรงในระดับที่สูงที่สุด อย่างที่ไม่ค่อยจะมีในตลาดนาฬิการะดับสูง โดยให้ความเที่ยงตรงสูงถึงระดับ +/-2 นาทีต่อเดือน ซึ่งนับเป็นนาฬิกาเพียงไม่กี่รุ่นในยุคนั้นสำหรับคุณสุภาพสตรี ที่จะมีความเที่ยงตรงได้สูงสุดถึงระดับนี้ และนาฬิการุ่นนี้ยังถือเป็นจุดสิ้นสุดการพัฒนานาฬิกาแบบกลไกในช่วงแรกของ GRAND SEIKO
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 45GS V.F.A.
เพราะหลังจากปี 1972 เป็นต้นมา นาฬิกากลไกควอท์ซก็เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น และทำให้มีการนำเสนอนาฬิกากลไกควอท์ซคุณภาพสูงในนามของ GRAND SEIKO ขึ้นในปี 1988 ในชื่อรุ่น 95GS โดยมีความเที่ยงตรงอยู่ที่ระดับ +/-10 วินาทีต่อปี จากความสามารถด้านการผลิตที่ GRAND SEIKO สามารถผลิตชิ้นส่วนทุกชิ้นได้เองภายในโรงงาน รวมทั้งการสร้างผลึกควอท์ซเพื่อใช้งานเองอีกด้วย โดยผลึกควอท์ซที่ใช้กับนาฬิกาของ GRAND SEIKO จะมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งด้านความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ความชื้น และแรงกระแทก พร้อมทั้งส่งผลให้กลไกสามารถแสดงค่าเวลาได้อย่างเที่ยงตรงสูงสุด
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 19GS V.F.A.
ซึ่งนอกจากนาฬิกาในรุ่น 95GS ที่มีความเที่ยงตรงในระดับสูงกว่านาฬิกาควอท์ซทั่วไปหลายเท่าแล้ว ยังมีนาฬิการุ่น 8NGS ในปี 1989 พร้อมสไตล์ของนาฬิกาแบบสปอร์ตลักซ์ชัวรี่ ที่ผนึกสายนาฬิกาเข้ากับตัวเรือนเป็นชิ้นเดียว และยังให้ความสามารถในการกันน้ำได้ถึงระดับ 10 บาร์ และต่อเนื่องมาจนถึงนาฬิการุ่น 3FGS ในปี 1992 กับนาฬิกากลไกควอท์ซครั้งแรกสำหรับคุณสุภาพสตรี ที่ให้ความเที่ยงตรงในระดับ 10 วินาทีต่อปีเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในการผลิตนาฬิกาที่ให้ความเที่ยงตรงสูง และทำให้ตลาดนาฬิกาโลก ต้องเริ่มต้นบทบาทใหม่ในการพัฒนากลไกควอท์ซของตนเองออกสู่ตลาด
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 95GS
กรุณาติดตามเรื่องราวต่อในตอนต่อไป