GRAND SEIKO, จากอดีตสู่อนาคต ตอนที่ 1
จากความมุ่งมั่นในการที่จะสร้างนาฬิกาที่เป็นเลิศ เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดนาฬิกา GRAND SEIKO ในปัจจุบัน ซึ่งเริ่มต้นเรื่องราวขึ้นในปี 1960 โดยพัฒนาการในทุกด้านจะได้รับการขับเคลื่อนด้วยแนวคิด “เพื่อให้นาฬิกา GRAND SEIKO” เป็นนาฬิกาในอุดมคติ และจะต้องมีมาตรฐานด้านความเที่ยงตรง ความทนทาน และความสง่างามระดับโลก ครบถ้วนในทุกด้านไปพร้อมกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับนาฬิกาจากประเทศญี่ปุ่น
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1960
จากการเรียนรู้แนวคิดในการสร้างนาฬิกา และนำมาปรับใช้ในวิถีทางของตัวเอง พร้อมแนวคิดในการสร้างนาฬิกาในอุดมคติฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่ในการกระทำจริงๆ กลับเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ มากมายที่ถาโถมเข้าสู่ทีมงาน จากประสบการณ์ที่เคยสร้างนาฬิการุ่น Crown ขึ้นในปี 1950 พร้อมการพัฒนาในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ที่แม้ว่านาฬิกาจะได้รับความนิยมในตลาดแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงตามขีดความต้องการที่ทีมงานตั้งไว้
กลไกไขลานอินเฮ้าคาลิเบอร์ 3180
และนั่นจึงเป็นที่มาของการสร้างนาฬิกา GRAND SEIKO ขึ้นโดยนาฬิการุ่นแรกที่ใช้กลไกคาลิเบอร์ 3180 โดยมีระดับความเที่ยงตรงถึง +12/-3 ต่อวัน พร้อมความสามารถของพลังสำรองลานที่ยาวนานถึง 45 ชั่วโมง และยังเป็นนาฬิการุ่นแรกจากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการจัดอันดับความเป็นเลิศตามมาตรฐานของ Burequx Officiels de Contrôle de la Marche des Montres จนได้รับการจารึกในหน้าประวัติศาสตร์วงการนาฬิกาโลก
GRAND SEIKO รุ่น Self-Dater
นาฬิการุ่นแรกที่ถือกำเนิดขึ้นนี้ ถูกผลิตจากโรงงานซูวะไซโกชา ซึ่งปัจจุบันคือโรงงานไซโกเอปซัน ในนางาโนะที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น โดยหลังจากนั้น 4 ปีนาฬิการุ่น Self-Dater ก็เป็นนาฬิการุ่นต่อยอดที่ผลิตออกสู่ตลาดในปี 1964 ตามแนวคิดเดิมนั่นก็คือ “นาฬิกาในอุดมคติ” ด้วยการเพิ่มเติมฟังก์ชั่นการแสดงวันที่ พร้อมความสามารถในการกันน้ำได้ถึง 50 เมตร โดยมีรูปลักษณ์ที่สวยงามอย่างแตกต่าง
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 44GS
ซึ่งรูปลักษณ์อันงดงามนี้ มาจากแนวคิดในการวางรากฐานของปรัชญาด้านการออกแบบ โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากนาฬิการุ่น 44GS ที่เปิดตัวขึ้นในปี 1967 ที่ถือว่ามีความเที่ยงตรงสูงสุดสำหรับนาฬิกากลไกไขลาน ที่ทำงานด้วยความถี่ 5 เฮริท์ซ โดยต้องไม่ลืมว่า GRAND SEIKO ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีในการพัฒนาชุดกลไก ให้มีความสามารถได้ถึงในระดับสูง เมื่อเทียบกันกับนาฬิกาแบรนด์อื่นๆ ในยุคนั้น
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 62GS
โดยทั้งความงดงามและความยอดเยี่ยมนี้ ยังคงส่งผ่านมาถึงนาฬิกาในยุคปัจจุบันของ GRAND SEIKO อย่างครบถ้วน อย่างเช่นนาฬิกาในตัวเรือนแบบ 44GS ที่มาจากแนวคิดการออกแบบ จากข้อกำหนดเรื่องสัดส่วน พื้นผิว และเหลี่ยมมุม โดยยังมีเรื่องของหลักการพื้นฐาน 3 ประการและองค์ประกอบอื่นๆ อีกไม่ต่ำกว่า 9 ข้อ เพื่อให้ความงดงามนี้ครบถ้วนในทุกด้าน จนสามารถนำมาเป็นคำนิยามของ GRAND SEIKO Style ได้
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 61GS
นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น 62GS ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ใช้กลไกอัตโนมัติรุ่นแรกของแบรนด์ ตามมาด้วยนาฬิการุ่น 61GS ที่ใช้กลไกอัตโนมัติ และนาฬิการุ่น 45GS กลไกไขลานที่นำเสนอสู่ตลาดในปี 1968 ที่ล้วนแล้วแต่มีความโดดเด่นด้านความเที่ยงตรง และเป็นยุคที่ทำให้ความเที่ยงตรงของนาฬิกา กลายเป็นสิ่งที่ทั่วโลกให้ความสนใจ จนเป็นการแข่งขันกันในการสร้างกลไกนาฬิกา ที่มีความเที่ยงตรงในระดับที่สูงที่สุด
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 45GS
กับโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว GRAND SEIKO เองก็ใช้เวลาในการพัฒนาความยอดเยี่ยมนี้เป็นเวลากว่า 10 ปีทีเดียว โดยทีมงานของ GRAND SEIKO ทุ่มเทในการพัฒนาและสร้าง พร้อมการเลือกมาตราฐานความเที่ยงตรง ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นบรรทัดฐาน จนสามารถชนะเลิศคะแนนรวม ในฐานะของนาฬิกาจักรกลที่ยอดเยี่ยม จากการแข่งขันที่เจนีวา และทำให้โลกนาฬิกาจดจำชื่อของ GRAND SEIKO ได้ขึ้นใจ
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 61GS V.F.A.
รางวัลนี้ไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่มาจากทักษะ ความมุ่งมั่น นวัตกรรม และความหลงใหลในการสร้างนาฬิกาตามอุดมคติของทีมงาน จนเกิดเป็นความพิเศษต่างๆ อย่างเช่น Spron โลหะผสมที่นำมาใช้ผลิตลานนาฬิกา ที่มีความสามารถด้านแรงบิดได้สูง และทำให้สามารถรองรับการทำงานในความถี่ที่สูงของชุดกลไกได้ นอกจากนี้ยังมีความพิเศษด้านการปรับตั้ง ที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตใหม่ให้กับวงการนาฬิกาโลก
นาฬิกา GRAND SEIKO รุ่น 45GS V.F.A.
และทำให้เกิดนาฬิการุ่นพิเศษขึ้นอีกครั้ง กับระดับความเที่ยงตรงในระดับ +/-2 วินาทีต่อวัน ในชื่อรุ่นที่บ่งบอกถึงคุณสมบัติได้ชัดเจน GRAND SEIKO Very Fine Adjusted ซึ่งก็คือนาฬิการุ่น 61GS V.F.A. และนาฬิการุ่น 45GS V.F.A. ที่เป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการนาฬิกาโลก ที่ GRAND SEIKO ในฐานะของนาฬิกาจากประเทศญี่ปุ่น สามารถสร้างสิ่งใหม่ให้กับวงการได้อย่างน่าประหลาดใจ
กรุณาติดตามเรื่องราวต่อในตอนต่อไป