Honoring the watch that defined GRAND SEIKO
ในช่วงเวลาหลายปีหลังจากการกำเนิดของนาฬิกา GRAND SEIKO ในปี 1960 ที่ซึ่งนาฬิกาแต่ละรุ่นจะได้รับการออกแบบอย่างงดงามและพิถีพิถัน พร้อมกลไกที่มีประสิทธิภาพและให้ความเที่ยงตรงในระดับสูงสุด ที่ถือเป็นความสำคัญอันดับแรก ที่จะต้องทำให้นาฬิกาทุกเรือนจาก GRAND SEIKO มีความแตกต่างที่โดดเด่น
จนกระทั่งในปี 1967 ที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ GRAND SEIKO จากผลงานการออกแบบของดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ ที่มีความสามารถในการสร้างความแตกต่าง ที่โดดเด่นยิ่งไปกว่าเดิมอีกระดับ และสะท้อนสไตล์จนกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญของ GRAND SEIKO มาจนถึงปัจจุบัน
นั่นก็คือรูปแบบตัวเรือนที่เรียกว่า 44GS ที่เน้นองค์ประกอบสำคัญของตัวเรือน ขอบตัวเรือน และส่งผลให้หน้าปัดดูโดดเด่นยิ่งไปกว่าเดิม พร้อมทั้งทำให้นาฬิกา GRAND SEIKO มีเอกลักษณ์และแตกต่าง จนกระทั่งกลายเป็นรูปแบบสำคัญของแบรนด์และวงการนาฬิกาโลก
ที่ซึ่งในปัจจุบันรูปแบบตัวเรือน 44GS ก็ได้รับการตีความและออกแบบใหม่ โดยยึดถือองค์ประกอบตามสไตล์แบบดั้งเดิม พร้อมการปรับปรุงและเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวเรือนมากยิ่งขึ้นไปอีก และถือเป็นอีกหนึ่งในรูปแบบตัวเรือนที่สำคัญของ GRAND SEIKO
ไม่ต่างอะไรจากนาฬิกาแบบจีเอ็มที ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน เมื่อต้องการเดินทางข้ามไทม์โซนต่างเวลา พร้อมกลไกแบบสปริงไดรฟ์ที่ช่วยทำให้ค่าความคลาดเคลื่อนต่ำจนแทบไม่มีในแต่ละวัน โดยมีขอบเบเซิลพร้อมมาร์กเกอร์ที่แสดงเวลา 24 ชั่วโมง ที่ช่วยให้สามารถอ่านค่าเวลาได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งในดีเอ็นเอสำคัญของ GRAND SEIKO ในภาพองค์ประกอบรวมของนาฬิกาทั้งเรือน ที่จะมีความแตกต่างพร้อมความโดดเด่น ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ GRAND SEIKO อันมาจากการออกแบบอย่างงดงามและพิถีพิถัน ตามสไตล์ของแบรนด์ที่ยากจะหานาฬิกาอื่นทดแทนได้
รวมไปถึงนาฬิกาแบบดำน้ำสำหรับมืออาชีพจาก GRAND SEIKO ที่ได้รับการออกแบบและนำออกสู่ตลาดในปี 2008 โดยนับเป็นนาฬิกาแบบดำน้ำสำหรับมืออาชีพจาก GRAND SEIKO เป็นรุ่นแรก พร้อมความโดดเด่นและแตกต่างด้วยดีเอ็นเอสำคัญของแบรนด์อีกเช่นกัน
นอกจากนี้ยังเน้นความสำคัญ ในการใช้งานสำหรับนักดำน้ำมืออาชีพ ที่ไม่ประณีประนอมกับทุกสิ่ง พร้อมขจัดอุปสรรคต่างๆ ในการอ่านค่าเวลาที่อาจทำให้เกิดความผิดเพี้ยนในขณะใช้งานในระดับ 200 เมตรได้ กับกลไกสปริงไดรฟ์ที่เชื่อถือได้ ถึงความแม่นยำในการแสดงค่าเวลาในระดับสูงสุด
เหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบจากความบริสุทธ์ด้านการออกแบบ ที่ล้วนแล้วแต่กลั่นกรองจากมันสมองของดีไซน์เนอร์จาก GRAND SEIKO ที่มุ่งเน้นให้เกิดความงดงามจากความพิถีพิถัน ที่หาไม่ได้ในแบรนด์นาฬิกาอื่นๆ จากปรัชญาการออกแบบที่มีมานานกว่า 60 ปีของแบรนด์
