GRAND SEIKO Exhibition in GAYSORN VILLAGE
GRAND SEIKO แบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลก จัดนิทรรศการฉลองครบรอบ 60 ปี โดยการนำนาฬิกาเรือนประวัติศาสตร์หาชมได้ยาก ส่งตรงจากพิพิธภัณฑ์ SEIKO ประเทศญี่ปุ่นมาจัดแสดงเพื่อโชว์สุนทรียภาพแห่งประกายคุณภาพ ที่แสดงให้เห็นธรรมเนียมอันเป็นแบบฉบับของนาฬิกา GRAND SEIKO ตั้งแต่เรือนแรกในยุค 1960 ตลอดจนนาฬิกาเรือนสำคัญ อันเป็นตำนานที่สร้างบทนิยามให้กับแบรนด์จวบจนปัจจุบัน โดยนิทรรศการจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปท์ The Nature of Time ที่นำเสนอผ่านภาพทิวทัศน์ของแดนอาทิตย์อุทัยที่พรั่งพร้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม พร้อมการแสดงคาบูกิ ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงต้นตำรับของญี่ปุ่น
ไฮไลท์ของผลงานที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือ The First GRAND SEIKO ผลงานเรือนเวลารุ่นมาสเตอร์พีซเรือนแรกที่ผลิตขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 1960 ที่สตูดิโอแห่งแรกของ GRAND SEIKO ที่เมืองสุวะตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น จากแนวคิดที่ต้องการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่สามารถตอบสนองได้ทั้งความเที่ยงตรง ความทนทาน ความสะดวกสบาย และความสวยงามสูงสุด เท่าที่มนุษย์จะสามารถสร้างสรรค์ขึ้นได้ จนกลายมาเป็นนาฬิกาที่มีตัวเรือนผลิตจากเยลโลว์โกลด์ พร้อมกลไกที่บางเฉียบแต่ความเที่ยงตรงชั้นเยี่ยม ในระดับเทียบเท่ามาตรฐานความเที่ยงตรงสูงสุดที่นานาชาติให้การยอมรับ
ต่อมาอีกชิ้นคือผลงานอันเป็นตำนาน จนกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ส่งทอดไปถึงการรังสรรค์นาฬิกาของ GRAND SEIKO ในยุคต่อมานั่นก็คือนาฬิการุ่น 44GS ที่ถูกพัฒนาต่อมาในปี 1967 และถือเป็นต้นกำเนิดของ GRAND SEIKO สไตล์อย่างแท้จริง ด้วยพื้นผิวที่เรียบและเส้นเว้าโค้ง ข้างตัวเรือนสองมิติที่สมบูรณ์แบบ รวมถึงเข็มนาฬิกาและหลักชั่วโมงที่มีขนาดใหญ่และเรียบ ประกอบกับขอบมุมที่ได้รับการขัดเงาเพื่อให้สะท้อนรับกับแสงได้เป็นอย่างดี โดยมีพื้นผิวของตัวเรือนที่ให้ความเงางามดุจกระจก และสามารถสะท้อนภาพได้อย่างไม่บิดเบือนใดๆ เป็นดั่งการสะท้อนให้เห็นถึงความแม่นยำระดับสูงในทุกๆ ขั้นตอนการผลิตของแบรนด์
เรือนถัดมาเป็นนาฬิกาที่เปิดตัวในปี 1967 ที่รู้จักกันในชื่อของ 62GS ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ใช้กลไกอัตโนมัติรุ่นแรก และมีการนำเสนอด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงสูงสุดตามความต้องการของผู้คนทั่วโลก โดยตัวเรือนถูกออกแบบให้มีหลายด้าน และหน้าปัดที่เปิดกว้างพร้อมกับโครงสร้างแบบไร้ขอบ รวมถึงการขัดแบบซารัทซึ ซึ่งเป็นการขัดตัวเรือนเพื่อลบเหลี่ยมมุมที่ชัดเจน ไม่เกิดการระคายเคืองกับผิวหนัง และยังทำให้มีพื้นผิวที่ราบเรียบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนาฬิกา GRAND SEIKO รวมไปถึงเม็ดมะยมที่ย้ายไปอยู่ในตำแหน่ง 4 นาฬิกา เพื่อแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่จำเป็นต้องไขลานด้วยมือ
นาฬิกาที่น่าสนใจอีกเรือนได้แก่นาฬิการุ่น SBGH005 ที่เป็นนาฬิกาที่ใช้ตัวเรือนแบบ 44GS เปิดตัวในปี 2014 ดีไซน์โดดเด่นด้วยตัวเรือนสตีล พร้อมหน้าปัดสีเขียวแบบอิวาเตะแพทเทริ์น ที่เมื่อกระทบกับแสงจะเห็นเป็นลายเส้นอันสวยงาม มาพร้อมกลไกไฮ-บีทผนวกกับฟังก์ชั่นจีเอ็มทีคาลิเบอร์ 9S85 ทำงานด้วยความถี่ 36,000 รอบต่อชั่วโมง ให้ความเที่ยงตรงในระดับสูง และยังได้รับรางวัล Petit Aiguille จากการประกาศรางวัล GPGH ที่เจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย
ปิดท้ายด้วยผลงานชิ้นเอกในรุ่น SBGC017 กับสไตล์สุดสปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกสปริงไดร์ฟ เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ตัวเรือนมีชิ้นส่วนที่ผลิตจากเซรามิคที่ทำหน้าที่คล้ายชุดเกราะ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากชุดเกราะของซามูไร ออกแบบให้หุ้มตัวเรือนที่ผลิตจากไฮอินเทนซิตี้ไทเทเนียม ซึ่งแม้ตัวเรือนจะดูใหญ่แต่ก็มีน้ำหนักที่เบาสบายขณะสวมใส่ ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 9R96 หน้าปัดสีเขียวพร้อมการตกแต่งด้วยลวดลายโมมิทรี เข้าคู่กันกับสายหนังสุดคลาสสิคที่ได้รับความนิยมตลอดกาล
นาฬิกา GRAND SEIKO แต่ละเรือนจะมี ‘ประกายแห่งคุณภาพ’ ที่แสนพิเศษ โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนาคุณภาพอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งระดับความเที่ยงตรงอย่างเหนือชั้น วัสดุตัวเรือน หรือแม้กระทั่งการขัดเหลี่ยมและมุมเพื่อสร้างแสงเงาที่งดงาม ทั้งหมดนี้ต่างเป็นสิ่งที่ผู้รังสรรค์ใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงดีไซน์อันล้ำสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม จนกล่าวได้ว่า GRAND SEIKO คือสุดยอดนาฬิกาที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งมาพร้อมความงามเหนือกาลเวลา และสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ครบครันอย่างแท้จริง