iamwatch

จากในปี 2004 ที่ FREDERIQUE CONSTANT เริ่มต้นการเข้าสู่แวดวงนาฬิการะดับสูง ภายใต้รูปแบบการผลิตนาฬิกาของสวิส ที่พัฒนาและผลิตกลไกด้วยตัวเองทั้งหมด ด้วยเหตุนี้แบรนด์จึงเปลี่ยนบริบทของตัวเองให้กลายเป็น "ผู้ผลิต" “ผู้พัฒนา” และ “ผู้ประกอบ” ชิ้นส่วนต่างๆ ของนาฬิกาเข้าด้วยกัน จนเป็นนาฬิกาสำเร็จได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับทำให้ FREDERIQUE CONSTANT กลายเป็นแบรนด์สำคัญในอุตสาหกรรมนาฬิกา

ด้วยแนวคิดการผลิตนาฬิกา พร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ นาฬิกาคุณภาพที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสมที่สุด ทางแบรนด์จึงไม่หยุดลงทุนในด้านอุปกรณ์การผลิต โดยปัจจุบัน FREDERIQUE CONSTANT มีกลไกของตัวเองมากถึง 31 คาลิเบอร์ พร้อมทีมช่างนาฬิกาที่มีคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว และแผนกพัฒนานาฬิกาในทุกด้าน เพื่อให้สามารถควบคุมขั้นตอนต่างๆ ของการผลิตได้อย่างสมบูรณ์แบบในแบบที่ยั่งยืน

ตั้งแต่แนวคิดในการผลิตจากจุดเริ่มต้นไปจนถึง การควบคุมคุณภาพในขั้นสุดท้าย และยังรวมไปถึงการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยส่วนปฏิบัติงานภาคการผลิตนี้ ต้องใช้รูปแบบและเทคนิคขั้นสูง เพื่อการอุทิศให้กับการผลิตกลไกอินเฮ้าส์โดยเฉพาะ จากทีมช่างนาฬิการะดับปรมาจารย์ ที่ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน ภายใต้การผลิตที่พิถีพิถัน และต้องใช้ความอดทน รวมกับประสบการณ์และความชำนาญ

จากการที่ต้องรับมือกับส่วนประกอบ อันละเอียดอ่อนและเปราะบาง ที่ต้องมีความแม่นยำมากในทุกขั้นตอน ซึ่งชุดกลไกบางชุดจะประกอบไปด้วย ชิ้นส่วนกลไกต่างๆ มากกว่าร้อยชิ้น โดยช่างนาฬิกาจะต้องประกอบ ปรับตั้ง และควบคุมกลไกการทำงานทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจได้ว่ากลไกจะสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยการประกอบและการปรับตั้งส่วนใหญ่จะกระทำด้วยมือ เพื่อให้แน่ใจได้ถึงคุณภาพระดับสูงสุด

โดยอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ที่สร้างขึ้นภายในช่วงเวลา 20 ปีมีจำนวนถึง 31 ชุด โดยเริ่มต้นการพัฒนาในโรงงานของ FREDERIQUE CONSTANT ที่ปลองเลอโอว๊ทส์ เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่นาฬิกาแบบพื้นฐานที่แสดงเวลาแบบ 3 เข็มและวันที่ ไปจนถึงนาฬิกาที่มีกลไกอันซับซ้อนสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นกลไกตูร์บิยอง, เวริล์ดไทม์เมอร์, เพอเพทชวลคาเลนดาร์, โครโนกราฟฟลายแบ็ค, รวมทั้งล่าสุดกลไกโมโนลิธิค

 

 

รวมไปถึงการเผยโฉมความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีด้านการแสดงเวลาที่แม่นยำ พร้อมการกำหนดหลักการใหม่ ของการควบคุมนาฬิกาแบบกลไก โดยนำเสนอนาฬิการุ่น Slimline Monolithic Manufacturing ที่มอบความแม่นยำในการแสดงค่าเวลา ในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ด้วยการทำงานที่เร็วกว่านาฬิกากลไกส่วนใหญ่ถึง 10 เท่าตัว นั่นคือในระดับ 40 เฮริท์ซ ที่มากจนกว่าเกินสายตาจะสามารถรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนที่ 

 

 

จากออสซิลเลเตอร์ที่ผลิตจากเทคโนโลยีของวัสดุซิลิคอน ที่ใช้แทนส่วนประกอบหลายชิ้นในชุดกลไก และช่วยขจัดจุดอ่อนหลักๆ หลายประการของนาฬิกาแบบกลไก พร้อมแนวทางการผลิตแบบดั้งเดิม ที่ทำให้นาฬิการุ่นพิเศษนี้ มีส่วนประกอบที่มากถึง 26 รายการ ที่ถือเป็นส่วนประกอบพิเศษกว่าในกลไกปกติทั่วไป ที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการการผลิตนาฬิกาโลก และตอกย้ำถึงความสำเร็จในการก้ามข้ามแนวคิดแบบดั้งเดิม