FRANCK MULLER for 70th Anniversary of SINCERE FINE WATCHES
เพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีของ SINCERE FINE WATCHES แบรนด์นาฬิกา FRANCK MULLER จึงภูมิใจนำเสนอเรือนเวลารุ่น Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition ที่ผลิตขึ้นเพียง 28 เรือน เพื่อแสดงถึงความทุ่มเทของแบรนด์ ให้กับการสร้างสรรค์ซึ่งนวัตกรรม และงานหัตถศิลป์ชั้นสูง โดยเลือกใช้ดามัสกัสสตีล ซึ่งเป็นวัสดุที่ผสมผสาน จากโลหะผสมสตีลชนิดต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยมีต้นกำเนิดมาจากเมืองดามัสกัสในซีเรีย พร้อมความเป็นวัสดุอันโดดเด่น และมีชื่อเสียงด้านความแข็งแกร่ง
พร้อมความอันน่าทึ่งจากลวดลายชั้นต่างๆ อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่รังสรรค์ขึ้นจากผงโลหะผสมคุณภาพสูง ของสตีลสองชนิดที่ไม่เป็นแม่เหล็ก พร้อมมอบซึ่งความแข็งแกร่งที่มิอาจเทียบเคียงได้ เช่นเดียวกับความทนทานต่อการสึกกร่อน โดยผสมผสานระหว่างสตีลสองประเภท ซ้อนเข้าด้วยกันในกระบวนการผลิต ที่ได้รับการปกป้องโดยสิทธิบัตรสากล และช่วยให้กลไกในตัวเรือนนาฬิกา สามารถทำงานได้อย่างไร้อุปสรรค พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพด้านความแข็งแกร่ง ให้กับชุดกลไกขึ้นอีกระดับ
กับ FRANCK MULLER ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 ในขณะที่ SINCERE FINE WATCHES ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ในฐานะหนึ่งในผู้ค้าปลีกนาฬิการายแรกๆ ของแบรนด์ในภูมิภาค และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ของแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองบริษัทก็เดินหน้าพัฒนาสัมพันธภาพอันเข้มแข็ง โดยการร่วมมือกันและทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุถึงความสำเร็จที่นำพาซึ่งช่วงสำคัญๆ มากมายในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
โดยวัสดุดามัสกัสสตีลทั้งกลไกที่เป็นแบบสเกเลตันทั้งหมด รวมไปถึงเม็ดมะยมและหัวเข็มขัดรัดสาย ได้ผ่านการตัดอย่างละเอียดอ่อน จากบล็อกเดียวกันด้วยเครื่องซีเอ็นซี (CNC) ในโรงงานของแบรนด์เอง ทำให้เรือนเวลาแต่ละเรือนจะมีลวดลายริ้ว ที่เป็นเส้นแบบเฉพาะตัว ซึ่งเผยให้เห็นได้หลังผ่านกระบวนการ แช่ในน้ำกรดเช่นเดียวกับโครงสร้างของกลไก สเกเลตันที่จำเป็นต้องควบคุมด้านเวลาการทำงาน อย่างเข้มงวดและระมัดระวังในเวลาเพียงสองถึงสามนาทีเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนรูปหรือหดตัว
ในงานแบบสเกเลตันหรือโอเพนเวิร์ก ของกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ MVT FM 1740-VS2 พร้อมให้มิติอันประณีตและละเอียดอ่อน ที่เผยให้เห็นสถาปัตยกรรมอันซับซ้อน ของโครงสร้างที่ผลิตขึ้นจากดามัสกัสสตีล พร้อมการล้อมกรอบอย่างสมบูรณ์แบบด้วยขอบโรสโกลด์ ซึ่งเสริมความสง่างาม ได้อย่างกลมกลืนด้วยเข็มแสดงเวลาชั่วโมง นาที และวินาที ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตไร้ที่ติในสีโรสโกลด์ พร้อมทั้งวงแหวนหน้าปัดย่อยแสดงค่าวินาที ที่ผลิตจากแซฟไฟร์สีขาว ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเช่นเดียวกัน
ทำงานด้วยความถี่ 2.5 เฮริท์ซและให้พลังสำรองลานได้นาน 7 วัน พร้อมเรคกูเลเตอร์ที่ผ่านการตกแต่ง ด้วยงานขัดเงาดุจกระจก ขณะที่แท่นกลไก บริจด์ ผนวกเข้ากับการขัดขอบอันแม่นยำ ที่ช่วยเสริมเสน่ห์ และเพิ่มมิติอันลุ่มลึก ของกลไกแบบสไตล์สเกเลตันอันซับซ้อน เช่นเดียวกับช่องต่างๆ ในกลไกที่ผ่านการตกแต่งอย่างประณีต ด้วยงานขัดเงาด้วยเพชรขณะที่เฟืองต่างๆ จะผ่านการขัดด้าน แบบซาติน ผนวกเข้ากับงานขัดด้านแบบซาตินบนแท่นกลไกและบริจด์ ที่เพิ่มสุนทรียะของกลไกได้อย่างเหนือชั้น
ใช้งานคู่กับสายหนังจระเข้สีดำเพรียวบาง และเน้นด้วยการเย็บตะเข็บสีโรสโกลด์ ซึ่งในทุกๆ รายละเอียด ล้วนผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน พร้อมการประทับไว้ด้วยตราสัญลักษณ์ FM ที่ผลิตจากโรสโกลด์บนหัวเข็มขัด เพื่อร่วมเป็นตัวแทนแห่งจิตวิญญาณด้านนวัตกรรมของ FRANCK MULLER ในการแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้าน เทคนิคในการผลิตของแบรนด์ เพื่อนำเสนอเรือนเวลาในแบบที่แตกต่าง ที่ผสมผสานไว้ด้วยประเพณี และความทันสมัยอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อทราคาจำหน่ายที่ 1,878,000 บาท